รีวิวคู่หูแท็บเล็ตจอใหญ่รุ่นใหม่ ที่เพิ่งประกาศราคาในไทยกันไปสดๆ ร้อนๆ ซึ่งแน่นอนว่าราคาทั้งสองรุ่นก็ต่างกันประมาณหนึ่งเพราะมีตั้งแต่รุ่นระดับเรือธงอย่าง Xiaomi Pad 6S Pro ไปจนถึงเป็นรุ่นพรีเมียมระดับกลางอย่าง Redmi Pad Pro
แกะกล่อง
เริ่มจากแพ็คเกจของ Redmi Pad Pro กันก่อน ตัวกล่องมีขนาดกะทัดรัดรับกับไซส์ของแท็บเล็ต ส่วนด้านหน้ามีสกรีนภาพเครื่องและชื่อรุ่นให้เห็นอย่างชัดเจน สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องจะประกอบไปด้วย แท็บเล็ต, สาย USB Type-C, คู่มือการใช้งาน, ใบประกันสินค้า, เข็มเปิดถาดใส่ SD Card และอันนี้เราได้รับข้อมูลมาว่าเครื่องที่วางจำหน่ายในไทยจะมีอะแดปเตอร์ชาร์จติดมาให้ในกล่อง




ในส่วนของ Xiaomi Pad 6S Pro กล่องหนากว่าอย่างชัดเจน โดยกล่องเป็นสีขาวด้านหน้าระบุแค่เพียงชื่อรุ่น ส่วนอุปกรณ์ที่ให้มาข้างในก็มีทั้ง แท็บเล็ต, สาย USB Type-C, คู่มือการใช้งาน และใบประกันสินค้า แต่ก็น่าเสียดายที่ได้ข่าวว่าเครื่องที่ขายในไทยจะไม่ได้แถมอะแดปเตอร์ชาร์จมาด้วย





ดีไซน์
Redmi Pad Pro
เริ่มด้วยรุ่นรองกันก่อน Redmi Pad Pro มีขนาดตัวเครื่อง 280 x 181.9 x 7.5 มม. หนัก 571 กรัม โดยที่ด้านหน้าเครื่องคลุมด้วยกระจก Gorilla Glass 3 ฝาหลังและกรอบเครื่องเป็นอะลูมิเนียม ซึ่งมีให้เลือกในไทย 2 สี ได้แก่ Graphite Gray ที่อยู่ในมือเราตอนนี้กับสี Ocean Blue

การดีไซน์เป็นไปตามเทรนด์ของหลายๆ แบรนด์ในช่วงนี้ที่จะลดสัดส่วนความโค้ง เน้นเหลี่ยมมุมมากขึ้น โดยที่ฝาหลังเป็น Metal unibody ให้ความรู้สึกเวลาสัมผัสที่เรียบเนียนมือ ขณะที่กล้องหลังเป็นทรง Dual-Ring แบ่งพื้นที่กล้องกับแฟลชเป็นวงกลมขนาดใหญ่ 2 วง

การวางตำแหน่งของพื้นที่ต่างๆ บนเครื่อง ก็จะเน้นให้ถือใช้งานในแนวนอนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นกล้องหน้าที่อยู่บริเวณตรงกลางพื้นที่ขอบจอด้านขวา มีลำโพงและไมโครโฟนติดตั้งอยู่รอบ ๆ ตัวเครื่อง

ปุ่มพาวเวอร์ที่เป็นสแกนลายนิ้วมือในตัวอยู่ด้านบน ส่วนปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ขอบเครื่องด้านขวา ถ้าไล่ลงมาด้านล่างอีกนิดก็จะเห็นช่องสำหรับใส่ถาดหน่วยความจำเสริม microSD Card ที่รองรับได้ถึง 1.5TB ส่วนฐานเครื่องด้านล่างมีพอร์ต USB Type-C พร้อมช่องเสียบหูฟัง 3.5มม.






ด้านการแสดงผล Redmi Pad Pro มีจอขนาด 12.1 นิ้ว พาแนล LCD ความละเอียด 2.5K (2560 x 1600) ที่ 249ppi มีรีเฟรชเรทแบบ AdaptiveSync ไล่ระดับตั้งแต่ 30, 48, 50, 60, 90 และสูงสูงสุดที่ 120Hz มี Touch sampling rate สูงสุด 240Hz พร้อมอัตราส่วนการแสดงผล 16:10


หน้าจอแท็บเล็ตรุ่นนี้รองรับคอนเทนท์ Dolby Vision อัตราคอนทราสต์ 1500:1 แสดงระดับความลึกของสีได้ 12-bit ดันความสว่างจอได้สูงสุด 600nits และมีมาตรฐานรับรองการถนอมสายตาทั้ง 3 ด้านจาก TÜV Rheinland ไม่ว่าจะเป็น รับรองแสงสีฟ้าต่ำ, รับรองความไร้ซึ่งแสงกะพริบ และ รับรองความเป็นมิตรกับนาฬิกาชีวภาพ

เรื่องคุณภาพเสียงก็ไม่ต้องห่วงเพราะใส่ลำโพงมาให้ถึง 4 ตัว รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ให้รายละเอียดการเสพคอนเทนท์ครบทั้งภาพและเสียง
อุปกรณ์เสริม
แท็บเล็ตจะใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ก็ต้องรองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์เสริมซึ่ง Redmi Pad Pro ก็รองรับการทำงานกับปากกาสไตลัส Redmi Smart Pen ที่ดีไซน์เรียบง่าย

ตัวด้ามเป็นสีขาวมีปุ่มกด 2 ปุ่ม ใช้เป็นทางลัดในการเรียกใช้ฟังค์ชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Write ที่เมื่อกดค้างจะเปิด Mi Canvas สำหรับจดโน้ตในเวลาเร่งด่วน หรือถ้าอยู่ในแอปปุ่มนี้ยังใช้เพื่อสลับหัวปากกาได้ด้วย และอีกปุ่มจะเป็น Screenshot เพื่อแคปหน้าจอเฉพาะส่วน แต่ถ้าอยู่ในแอป Mi Canvas จะเป็นการสลับสีปากกาตามที่กำหนดไว้ปากการุ่นนี้จะใช้การชาร์จผ่านพอร์ต USB-C รองรับแรงกด 4096 ระดับ และค่าความหน่วงต่ำแค่ 10ms







นอกจากปากกาแล้วแท็บเล็ตรุ่นนี้ก็ยังมีอุปกรณ์เสริมเป็นเคสตั้งแต่เคสมาตรฐาน Redmi Pad Pro Cover ที่สามารถพับเพื่อเป็นฐานตั้งเครื่องได้ รวมถึงมีส่วนสำหรับเก็บปากกาบนเคส

แต่ที่น่าสนใจคือเคสคีย์บอร์ด Redmi Pad Pro Keyboard ซึ่งเชื่อมต่อกับแท็บเล็ตผ่าน Bluetooth โดยมีสวิตช์ เปิด-ปิด ซ่อนอยู่ด้านขวาของแป้นพิมพ์ ใกล้กับพอร์ตชาร์จ ตัวแป้นพิมพ์จะมีขนาดปุ่ม 16 x 16 มม. ระยะการกดปุ่มที่ 1.3 มม. ตัวแป้นพิมพ์มีแบตเตอรี่ให้มา 210mAh รองรับการใช้งานได้ต่อเนื่อง 59 ชั่วโมง และอยู่ในโหมดสแตนด์บายได้นาน 760 ชม.






Xiaomi Pad 6S Pro
มาต่อกันที่รุ่นเรือธง Xiaomi Pad 6S Pro ตัวเครื่องขนาด 278.7 x 191.6 x 6.3 มม. หนัก 590 กรัม ขนาดตัวเครื่องค่อนข้างใกล้เคียงกับของทาง Redmi ตัวเครื่องตั้งแต่ขอบและฝาหลังเป็นวัสดุอะลูมิเนียม ให้สัมผัสที่เรียบหรู ดูแข็งแรง ส่วนด้านหน้าของรุ่นนี้จะคลุมด้วยกระจก Gorilla Glass 5 สำหรับสีที่ขายจะมีแค่ Graphite Gray เพียงสีเดียว

เรื่องการออกแบบของแท็บเล็ตรุ่นนี้จะใช้แนวทางเดียวกันกับของ Redmi คือเน้นการใช้งานแนวนอนเป็นหลัก โดยติดตั้งกล้องหน้าในพื้นที่แนวนอนขอบด้านข้างของจอ

จะดูเรียบง่ายกว่าของ Redmi โดยพื้นที่กล้องหลังเป็นทรงสี่เหลี่ยมให้ความรู้สึกคล้ายกับการดีไซน์มือถือเรือธงรุ่นใหม่ของ Xiaomi และด้านล่างใกล้ ๆ กับโลโก้จะเป็นขั้ว POGO Pins สำหรับต่อเชื่อมต่อการทำงานกับอุปกรณ์เสริมอย่างเคสคีย์บอร์ด


เรื่องการจัดวางปุ่มต่างๆ เหมือนของ Redmi Pad Pro มีปุ่มพาวเวอร์ที่เป็นสแกนลายนิ้วมือในตัวอยู่ด้านบน ส่วนปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ขอบเครื่องด้านขวา และในพื้นที่เดียวกันจะมีแถบแม่เหล็กสำหรับวางแปะเชื่อมต่อและชาร์จไฟให้ปากกาสไตลัส ส่วนฐานเครื่องด้านล่างมีพอร์ต USB Type-C โดยที่รุ่นนี้จะมีรองรับหน่วยความจำเสริม และไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5มม.






จอของ Xiaomi Pad 6S Pro เหนือกว่าฝั่ง Redmi โดยเป็นจอ LCD ขนาด 12.4 นิ้ว ความละเอียด 3K (3048 x 2032) ที่ 294ppi มีรีเฟรชเรทแบบ AdaptiveSync ไล่ระดับตั้งแต่ 30, 48, 50, 60, 90, 120 และสูงสูงสุดที่ 144Hz มี Touch sampling rate สูงสุด 360Hz พร้อมอัตราส่วนการแสดงผล 3:2

หน้าจอแท็บเล็ตรุ่นนี้รองรับคอนเทนท์ Dolby Vision และ HDR10 มีอัตราคอนทราสต์ 1400:1 แสดงระดับความลึกของสีได้ 6.87 หมื่นล้านสี ตามมาตรฐานช่วงสี DCI-P3 ดันความสว่างจอได้สูงสุด 900nits และเหมือนกับรุ่นรองคือมีมาตรฐานการถนอมสายตาทั้ง 3 ด้านจาก TÜV Rheinland ทั้ง รับรองแสงสีฟ้าต่ำ, รับรองความไร้ซึ่งแสงกะพริบ และ รับรองความเป็นมิตรกับนาฬิกาชีวภาพ



เรื่องคุณภาพเสียงก็เหนือกว่าสมราคารุ่นเรือธงเพราะเขาใส่ลำโพงมาให้ถึง 6 ตัว รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ภาพชัดเสียงดังมีมิติตอบโจทย์ทั้งการดูหนังและเล่นเกม
อุปกรณ์เสริม
Xiaomi Pad 6S Pro มีอุปกรณ์เสริมในลักษณะเดียวกันกับของ Redmi โดยที่แท็บเล็ตรุ่นนี้รองรับการทำงานร่วมกับปากกาสไตลัส Xiaomi Focus Pen ที่ดีไซน์แตกต่างจาก Redmi Smart Pen โดยเป็นด้ามสีดำดูหรูหรา และเวลาอยู่ในมือก็รู้สึกไม่ต่างจากตอนจับดินสอจริง ๆ

อีกจุดเด่นของ Focus Pen คือมาพร้อมการเชื่อมต่อแบบไร้สายโดยที่สามารถจับคู่และชาร์จแบตเตอรี่ได้ง่าย ๆ เพียงแค่แปะปากกาไปบนแท็บเล็ต ซึ่งปากการุ่นนี้มีความไวต่อแรงกด 8,192 ระดับ ค่าความหน่วงต่ำเพียง 3ms



ขณะที่บนด้ามจะมีปุ่มกด 3 ปุ่ม โดยแบ่งเป็นสวิตช์ปุ่มยาวที่จะมี 2 ปุ่ม ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายๆ กับ Redmi Smart Pen กับปุ่มเล็ก ๆ อีกปุ่มที่แยกออกมา ซึ่งเป็นปุ่ม Spotlight Button สำหรับสร้าง Pointer ชี้บนหน้าจอเวลาพรีเซ็นงาน หรือถ้าใช้แอปกล้องอยู่ปุ่มนี้ก็จะทำหน้าที่รีโมทชัตเตอร์สั่งถ่ายภาพหรือวีดีโอได้จากระยะไกล

เคสของแท็บเล็ตรุ่นนี้ก็มีสองแบบโดยแบบแรกจะเป็นเคสแบบมาตรฐาน Xiaomi Pad 6S Pro Cover ซึ่งตัวเคสเป็นแบบแม่เหล็กสามารถแปะติดหลังเครื่องได้เลย และตัวฝาเคสจะใช้ฟังค์ชั่นการพับแบบ Origami ทำให้ปรับเปลี่ยนการใช้งานเพื่อเป็นฐานวางเครื่องได้หลากหลายรูปแบบ



เคสอีกตัวเป็น Xiaomi Pad 6S Pro Touchpad Keyboard ซึ่งเป็นเคสพร้อมคีย์บอร์ดที่มีส่วน Touchpad มาให้ด้วย โดยพื้นที่ Touchpad มีขนาด 51.78 ตร.ซม. รองรับการสั่งการด้วยท่าทางที่หลากหลาย

สำหรับปุ่มบนแป้นมีขนาดกว้าง 16×16 มม. ทีระยะห่างระหว่างปุ่มอยู่ที่ 1.3 มม. และแป้นพิมพ์รุ่นนี้มีไฟแบ็คไลท์ รองรับการหรี่ไฟแบบปรับเองและแบบอัตโนมัติตามสภาพแสงรอบข้างเพื่อความสบายตาเวลาใช้งาน นอกจากนี้ตัวแป้นพิมพ์ยังมาพร้อมปุ่มคีย์ลัด ทำให้ภาพรวมประสบการณ์การใช้งานเสมือนใช้แล็ปท็อปเครื่องเล็กๆ ขณะที่การเชื่อมต่อกับแท็บเล็ตก็ง่ายๆ แค่แปะเข้ากับหลังเครื่องก็สามารถจับคู่ได้ทันที

สเปค + การใช้งาน
แท็บเล็ตทั้งสองรุ่นขับเคลื่อนด้วยชิปของ Qualcomm โดยรุ่น Redmi Pad Pro ใช้ Snapdragon 7s Gen 2 เทคโนโลยีระดับ 4 นาโนเมตร ประมวลผล Octa-core (4×2.40GHz Cortex-A78 & 4×1.95GHz Cortex-A55) มี GPU Adreno 710

ส่วนสเปคความจำใช้ LPDDR4X RAM ทำงานกับ ROM UFS 2.2 รองรับหน่วยความจำเสริมได้สูงสุด 1.5TB โดยมีตัวเลือกที่เข้าไทย 2 สเปคได้แก่ 6GB+128GB และ 8GB+256GB ซึ่งเป็นสเปคเครื่องของเรา
ทางด้าน Xiaomi Pad 6S Pro จะขยับมาใช้ชิปที่เป็นเรือธงอย่าง Snapdragon 8 Gen 2 ที่เป็นสถาปัตยกรรมการผลิต 4nm เช่นกัน แต่กำลังประมวลผลจะเหนือกว่า โดยเป็น CPU แบบ Octa-core (1×3.2 GHz Cortex-X3 & 2×2.8 GHz Cortex-A715 & 2×2.8 GHz Cortex-A710 & 3×2.0 GHz Cortex-A510) และมี GPU Adreno 740

สเปคความจำใช้ LPDDR5X RAM ทำงานกับ ROM UFS 4.0 ไม่รองรับหน่วยความจำเสริม ซึ่งเครื่องที่ขายในไทยมีสเปคเดียวคือ 8GB+256GB
เรื่องแบตเตอรี่ทั้งสองรุ่นให้มาเท่ากันที่ 10,000mAh โดยที่ Redmi จะรองรับชาร์จไวสูงสุดที่ 33W ขณะที่แท็บเล็ต Xiaomi จะรองรับได้สูงสุด 120W ขนาดความจุแบตเตอรี่ขนาดนี้ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานได้ทั้งวัน และถ้าใครเป็นเจ้าของ Pad 6S Pro ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องจะมาเสียเวลาชาร์จเพราะ Xiaomi เคลมว่าสามารถชาร์จเต็ม 100% โดยใช้เวลาแค่ 35 นาที เท่านั้น

ทั้ง Xiaomi Pad 6S Pro และ Redmi Pad Pro แกะกล่องมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS บนพื้นฐาน Android 14 ที่มีการออกแบบหน้าตา UI ให้เหมาะกับการทำงานของแท็บเล็ตมากขึ้น โดยที่ในรุ่น Pad 6S Pro จะมี WorkStation Mode ที่เป็นการปรับหน้าตาให้คล้ายกับการทำงานบนคอมพิวเตอร์ เวลาจะเปิดแอปหลายๆ ตัวในรูปแบบแบ่งหน้าจอ หรือจะเปิดเป็นหน้าต่างลอย ก็ทำได้ง่ายๆ


ในมุมการเล่นเกมทั้งสองรุ่นทำได้ดีไม่มีปัญหาเอาอยู่สบายๆ จากที่ทดสอบเกม ROV ก็เล่นภาพ Ultra เฟรมเรท 60fps ได้ลื่นๆ ทั้งสองรุ่น เช่นเดียวกันกับ PUBG Mobile ตั้งได้สูงสุด Ultra HDR-Ultra ส่วน Call of Duty Mobile ได้ในระดับ Very High – Max ส่วนเกมกินสเปค Genshin Impact พรีเซ็ตการตั้งค่าที่แนะนำในรุ่น Pad 6S Pro คือ Medium แต่ยังพอสามารถปรับไป High ได้ ขณะที่ Pad Pro จะสุดที่ Low
Redmi Pad Pro




Xiaomi Pad 6S Pro




ด้านคะแนนการประมวลผล Benchmark ของแต่ละรุ่นได้ผลลัพท์ดังนี้
Redmi Pad Pro
- PCMark : 12529 คะแนน
- Geekbench 6 : Single-core 1028 คะแนน / Multi-core 2863 คะแนน


Xiaomi Pad 6S Pro
- PCMark : 16309 คะแนน
- Geekbench 6 : Single-core 1910 คะแนน / Multi-core 5204 คะแนน


สำหรับการถ่ายภาพถ้าเป็น Redmi Pad Pro มีกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.28 เซ็นเซอร์ 1/4 นิ้ว ส่วนกล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/4 นิ้ว

ส่วน Xiaomi Pad 6S Pro กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ OV32D รูรับแสง F/2.2 มี พิกเซล 4-in-1 ขนาด 0.61μm ขณะที่กล้องหลังใส่เลนส์คู่ กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ JN1 ขนาด 1/2.76 นิ้ว รูรับแสง F/1.8 พิกเซล 4-in-1 ขนาด 0.64μm ทำงานร่วมกับกล้อง Dept 2 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ OV02B1B 1/5 นิ้ว รูรับแสง F/2.4 ขนาดพิกเซล 1.75μm

เรื่องฟีเจอร์กล้องถ้าไม่นับด้านความละเอียดแล้วส่วนใหญ่ทั้งสองรุ่นก็ให้ฟังค์ชั่นการใช้งานกล้องพื้นฐานที่ครบเหมือนๆ กัน แต่สำหรับ Pad 6S Pro ที่สเปคเหนือกว่าก็จะมีการเพิ่มลูกเล่นอย่าง AI Camera, HD Portrait และ Director Mode เข้ามาให้
สรุป + ราคา
บทสรุปจากการที่ได้ลองใช้งานแท็บเล็ตทั้งสองรุ่นส่วนตัวมองว่าทั้งสองรุ่นตอบโจทย์ต่อการทำงานได้รอบด้านซึ่งถ้าเน้นใช้งานทั่วไป ทำเอกสาร ดูหนัง เล่นเกม Redmi Pad Pro ก็ถือว่าเพียงพอต่อความต้องการ
ในทางกลับกันถ้าอยากสัมผัสประสบการณ์ใช้งานที่เหมือนทำบนแล็ปท็อป เปิดทำงานหลายหน้าจอได้ลื่นๆ รวมถึงจัดเต็มคอนเทนท์ใส่สุดทั้งดูหนังเล่นเกมจนถึงการถ่ายภาพก็ต้องไปลองรุ่นเรือธง Xiaomi Pad 6S Pro ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นรุ่นที่คุ้มค่า และพร้อมรองรับกับเทคโนโลยีหรือฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่จะตามมาหลังจากนี้ได้อีกหลายปี แล้วถ้าใครซื้อเครื่องช่วงพรีออเดอร์ก็ต้องบอกเลยว่าคุ้มสุดๆ

เริ่มจาก Xiaomi Pad 6S Pro ความจุ 8GB+256GB สี Graphite Gray จะวางจำหน่ายในราคา 18,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่าย IT CITY พร้อมช่องทางออนไลน์ mi.com/th, Lazada และ Shopee
พิเศษ สำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 14-27 มิถุนายน 2567 รับฟรี! Xiaomi Pad 6S Pro Touchpad Keyboard มูลค่า 3,999 บาท

ส่วน Redmi Pad Pro รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 10,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 14-27 มิถุนายน 2567 รับฟรี Redmi Pad Pro Keyboard มูลค่า 1,999 บาท
สำหรับรุ่นความจุ 6GB+128GB วางจำหน่ายในราคา 8,990 บาท เฉพาะที่ mi.com/th และ Lazada พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อในระหว่างวันที่ 14-20 มิถุนายน 2567 สามารถซื้อสินค้าในราคาพิเศษเพียง 8,690 บาท พร้อมรับฟรี Redmi Pad Pro Cover มูลค่า 1,199 บาท