Xiaomi 15 Series เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย และแน่นอนว่ามาทั้ง Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra โดยที่ปีนี้นอกจากเรื่องของประสิทธิภาพกล้องที่พัฒนาร่วมกับ Leica แล้ว ทางแบรนด์ก็ยังยกระดับเรื่องการใช้งานด้วย HyperAI ส่วนจะสุดยอดแค่ไหนติดตามได้ ใน รีวิว นี้
กล้องระดับโปรจาก Leica ถ่ายภาพคมชัดทุกมุมมอง
เมื่อพูดถึงมือถือเรือธงจาก Xiaomi สิ่งแรกที่นึกถึงคือเรื่องการถ่ายภาพ เนื่องจากเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Leica แบรนด์กล้องระดับพรีเมียมจากเยอรมนี พร้อมทั้งมีเทคโนโลยี Xiaomi AISP 2.0 ซึ่งเป็น AI ช่วยให้ภาพคมชัดและสวยงามมากขึ้นในขั้นตอนการโปรเซสสุดท้ายก่อนออกมาเป็นผลลัพธ์ โดยจะเป็นชุดเครื่องมือ AI ประกอบไปด้วย
- FusionLM 2.0: AI ปรับรายละเอียดของภาพให้สมจริง
- PortraitLM 2.0: AI ปรับแต่งภาพบุคคลให้ออกมาสวยเป็นธรรมชาติ
- ColorLM 2.0: AI ช่วยปรับโทนสีให้สมดุลและมีชีวิตชีวา
- ToneLM 2.0: AI ปรับแสงเงาให้อย่างชาญฉลาด
Xiaomi 15 Ultra: Leica VARIO-SUMMILUX 1:1.63-2.6/14-100 ASPH.

- กล้องหลัก Leica main camera: 50MP, f/1.63, OIS, เซ็นเซอร์ LYT-900, 23mm
- กล้อง Leica floating telephoto: 50MP, f/1.8, OIS, เซ็นเซอร์ IMX858, 70mm, รองรับ Macro 10cm
- กล้อง Leica periscope telephoto: 200MP, f/2.6, OIS, เซ็นเซอร์ HP9, 100mm, ซูม Digital 50x
- กล้อง Leica Ultrawide: 50MP, f/2.2, 115 องศา, เซ็นเซอร์ JN5, 14mm
- กล้องหน้า: 32MP, f/2.0, 90 องศา, เซ็นเซอร์ OV32B, 21mm
ในรุ่น 15 Ultra มีกล้องหลักเลนส์ แอสเฟอริคัล 8P ที่มีการส่งผ่านแสงสูง (8P aspherical high-transmittance lens) เสริมด้วยการเคลือบป้องกันแสงสะท้อน (AR) พร้อมเซ็นเซอร์ขนาด 1 นิ้ว ให้ช่วงไดนามิกที่สูงถึง 14EV

การอัปเกรดในส่วนของเลนส์ Periscope โดยเพิ่มความละเอียดเป็น 200MP ซึ่งมือถือรุ่นนี้มีกล้องที่ทางยาวโฟกัสครอบคลุมการซูมออปติคอลตั้งแต่ระยะ 14mm (0.6) – 200mm (120X) เมื่อทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ 1/1.4 นิ้ว และรูรับแสง f/2.6 ก็ทำให้ถ่ายภาพแบบซูมได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกสภาวะแสง

อีกเรื่องที่ Xiaomi เน้นในปีนี้ คือความสามารถในการถ่ายวีดีโอ โดยที่ 15 Ultra กล้องหลักและกล้อง Periscope รองรับการถ่าย 4K ที่ 120fps ซึ่งกล้องหลังจะมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS และ EIS พร้อมทั้งรองรับการบันทึกวิดีโอด้วย Dolby Vision ที่ 4K 60fps และการบันทึกวิดีโอแบบ 10-bit Log ในทุกความยาวโฟกัส ซึ่งผ่านการรับรองจาก ACES มีมาให้ถึง 4 ตัวที่จะช่วยบันทึกเสียงที่สมจริงและครอบคลุม รวมถึงการถ่ายวิดีโอ Slow Motion 4K 120 FPS

เพื่อให้ลั่นชัตเตอร์ได้ฟินยิ่งขึ้นใครที่สั่งจอง Xiaomi 15 Ultra ล่วงหน้า ก็จะได้ชุดอุปกรณ์กล้อง Xiaomi 15 Ultra Photography Kit Legend Edition ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่จะแปลงมือถือให้กลายเป็นกล้องคอมแพค

อุปกรณ์เสริมของรอบนี้บอกเลยว่าสวยขึ้น โดยที่การออกแบบสีสันได้แรงบันดาลใจมาจากดีไซน์ของกล้องสุดคลาสสิก มีกรอบวงแหวนอะแดปเตอร์ฟิลเตอร์ขนาด 67 มม. แบบมัลติฟังก์ชันสีแดงโดดเด่น พร้อมแบตเตอรี่ในตัวขนาด 2000mAh เพื่อการใช้งานที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น





บนอุปกรณ์จะมาพร้อมตัวกริปกับแท่นพักนิ้ว (Thumb Rest) และตัวเสริมปุ่มชัตเตอร์แบบถอดได้ และเมื่อเชื่อมต่อกับ Xiaomi 15 Ultra ก็จะมีฟีเจอร์ Fastshot อินเทอร์เฟซที่จำลองประสบการณ์การถ่ายจากกล้อง Leica Rangefinder ให้ลองใช้ใน Legend Mode ตอบโจทย์ตากล้องสายสตรีทที่ไม่อยากพลาดจังหวะทองคำ
ตัวอย่างภาพจากกล้อง Xiaomi 15 Ultra














































Xiaomi 15: Leica VARIO-SUMMILUX 1:1.62-2.2/14-60 ASPH.

- กล้องหลัก Leica main camera: 50MP, f/1.62, OIS, เซ็นเซอร์ Light Fusion 900, 23mm
- กล้อง Leica Telephoto: 50MP, f/2.0, OIS, เซ็นเซอร์ JN5, 60mm, รองรับ Macro 10cm
- กล้อง Leica Ultrawide: 50MP, f/2.2, 115 องศา, เซ็นเซอร์ JN1, 14mm
- กล้องหน้า: 32MP, f/2.0, 90 องศา, 21mm
รุ่นน้อง Xiaomi 15 อาจไม่ได้วือหวามากเท่ารุ่นพี่ แต่ก็ไม่ไก่กาด้วยชื่อชั้นเรือธง โดยมากับกล้องหลัง 3 ตัว มีระยะโฟกัสที่ขยายได้ตั้งแต่ 14 มม. ถึง 120 มม. กล้องหลักใช้เลนส์ออปติคอล Leica Summilux ซึ่งประกอบไปด้วยเลนส์แอสเฟอริคัล 7P ที่มีการส่งผ่านแสงสูง (7P aspherical high-transmittance) พร้อมการเคลือบป้องกันแสงสะท้อน

ด้านซอฟต์แวร์ก็รองรับครบทั้งโหมดการถ่ายภาพทั่วไปที่จะมีโทนของ LEICA ให้เลือกแบบ LEICA Vibrant กับ LEICA Authentic ส่วนการถ่าย Portrait ก็เลือกโทนได้ระหว่าง Master Portrait กับ LEICA Portrait


ส่วนใครที่เป็นสายถ่ายภาพแนวสตรีทในรุ่นนี้ก็มีโหมด Fastshot ให้ใช้งาน โดยที่โหมดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อความเร็วและความแม่นยำในการจับภาพที่ 0.6 วินาทีในทุกระยะโฟกัส

สำหรับการถ่ายวิดีโอ Xiaomi 15 กล้องหลักรองรับการบันทึกวิดีโอ 8K ที่ 30fps และวิดีโอ Dolby Vision ที่ 4K 60fps มีไมค์มาให้ถึง 4 ตัวที่จะช่วยบันทึกเสียงที่สมจริงและครอบคลุม
ตัวอย่างภาพจากกล้อง Xiaomi 15









































Xiaomi HyperOS 2.0 กับความสามารถ AI ที่เหนือขึ้นไปอีกขั้น

Xiaomi 15 Series เปิดตัวมาพร้อมระบบปฏิบัติการ HyperOS 2 ของ Xiaomi ที่ทำงานอยู่บนพื้นฐาน Android 15 นอกจากเรื่องความลื่นไหล หรือ วิดเจ็ต หน้าตาใหม่ๆ ที่อัปเดตเข้ามาแล้ว ความสามารถด้าน AI ก็ยังพัฒนาไปแบบก้าวกระโดด

นอกจาก AI จาก Google อย่าง Gemini, Screen Content Understanding (Gemini Overlay) หรือ Circle to Search ที่ติดมาแล้ว บนเครื่องก็ยังมี Xiaomi HyperAI ซึ่งเป็นระบบ AI ที่แบรนด์พัฒนาขึ้นมาเอง โดยมีให้ใช้งานทั้ง
Productivity AI
- AI Writing: ช่วยเขียนข้อความ ร่างอีเมล โพสต์โซเชียล หรือวางแผนทริปได้ทันที
- AI Recorder: บันทึกและถอดเสียงเรียลไทม์ แยกผู้พูดได้ เหมาะกับการประชุม
- AI Interpreter: แปลภาษาแบบเรียลไทม์ทั้งข้อความและเสียง รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ
- AI Subtitles: สร้างคำบรรยายอัตโนมัติจากวิดีโอหรือเสียง ใช้ตัดต่อหรือจดเลคเชอร์




Creativity AI
- AI Erase Pro: ลบวัตถุในภาพได้เนียน ใช้งานง่าย แก้ไขภาพยากๆ ให้ออกมาแนบเนียนสุดๆ
- AI Image Expansion: ขยายขอบภาพ เพิ่มพื้นที่ส่วนขอบของฉากที่หายไปเข้ามาโดยอัตโนมัติ
- AI Image Enhancement: ปรับความคมชัด แสง สี ให้ภาพสวยขึ้น
- AI Remove Reflection: ลบแสงสะท้อนจากกระจกหรือพื้นผิวเงา
- AI Magic Sky: เปลี่ยนท้องฟ้า จำลองออโรร่าหรือดาวเคลื่อนไหว
- AI Film: สร้างคลิปสั้นพร้อมเอฟเฟกต์และเสียงจากภาพ/วิดีโอ
- AI Live Wallpapers: วอลเปเปอร์เคลื่อนไหว ปรับตามสภาพอากาศหรือเวลา





นอกจากความสามารถ AI แล้ว ใน HyperOS 2 ยังมีฟีเจอร์ HyperConnect การเชื่อมต่ออัจฉริยะ ที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ในระบบนิเวศของ Xiaomi ได้ง่ายขึ้นทั้ง

- Home Screen+ 2.0: ใช้งานมือถือหรือแชร์ไฟล์ บนอุปกรณ์แท็บเล็ตได้ลื่นไหล ไร้รอยต่อ แถมมี App Integration สามารถลากแอปจากโทรศัพท์มาใช้บนแท็บเล็ตได้เหมือนกับเป็นแอปบนแท็บเล็ตเอง
- Cross-device camera sharing via Xiaomi Smart Hub: สลับการใช้งานกล้องระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ภายในแอป Third-party ได้อย่างไร้รอยต่อ
- Call Sync: รับสายจากมือถือผ่านแท็บเล็ตหรืออุปกรณ์ที่ใช้ Xiaomi ID เดียวกันได้
- Playback Transfer: สลับเสียงระหว่างมือถือ หูฟัง และลำโพงได้สะดวก

ที่กล่าวมาเป็นเพียงความสามารถบางส่วนเท่านั้น แต่ที่น่าจะดึงดูดคนนอกที่ไม่ใช่ Mi Fans ได้คือตอนนี้ อุปกรณ์ Xiaomi สามารถเชื่อมต่อกับ iPhone, iPad และ Mac ได้อย่างราบรื่นผ่านแอป “Xiaomi Connectivity Service” ไม่ว่าจะเป็น การรับส่งไฟล์ความเร็วสูง ใช้ iWork เปิดไฟล์จาก Xiaomi ได้ทันที แถมในเร็วๆ Home Screen+ จะรองรับบนอุปกรณ์ iPad และ Mac อีกด้วย
แต่ความสามารถของ AI หรือการเชื่อมต่อต่างๆ จะไม่มีทางทรงประสิทธิภาพได้เลย หากเครื่องไม่มีแรงประมวลผลที่สูงพอซึ่ง Xiaomi 15 Series ก็เอาอยู่สบายๆ เพราะมากับชิป Snapdragon 8 Elite ชิปขนาด 3nm จาก Qualcomm ประมวลผลแบบ Octa-core (2×4.32GHz Oryon V2 Phoenix L + 6×3.53GHz Oryon V2 Phoenix M) มี GPU Adreno 830 ทำงานร่วมกับ RAM LPDDR5X และ ROM UFS 4.1


Xiaomi เคลมว่าชิปประมวลผลทำให้ประสิทธิภาพ CPU ดีขึ้น 45% และประสิทธิภาพ GPU แรงขึ้น 44% ส่วน AI ดีขึ้นถึง 105% ในขณะที่ประหยัดพลังงานกว่าเดิมสูงสุด 52% ใครที่เป็นสายเล่นเกมบอกเลยไม่ต้องห่วงสามารถรันสเปกกราฟิกสูงๆ ได้สบายๆ ไม่เสียชื่อ Snapdragon 8 Elite แน่นอน อีกทั้งในรุ่น 15 Ultra ยังจัดการความร้อนได้ดีขึ้นโดยมีพื้นที่ LHP มากถึง 5100 ตร.มม.



สำหรับแบตเตอรี่ Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra มาพร้อมแบตขนาดใหญ่ขึ้นจากรุ่น โดยให้มา 5240mAh และ 5410mAh ตามลำดับ มีชิป Xiaomi Surge G2 ช่วยปกป้องและยืดอายุเซลล์แบตเตอรี่ให้อยู่ได้นานขึ้น ส่วนการชาร์จทั้งสองรุ่นรองรับ 90W HyperCharge ส่วนไร้สายของ Ultra จะเป็น 80W HyperCharge ขณะที่รุ่นธรรมดา 50W HyperCharge
ผลทดสอบ Benchmark
- Xiaomi 15


- Xiaomi 15 Ultra


เอกลักษณ์งานดีไซน์
Xiaomi 15 Ultra มากับดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากกล้องคลาสสิก โดยมีให้เลือก 3 สี คือ Black ที่เป็นสีเครื่องในมือที่เราได้มา รีวิว กับสี White และ Silver Chrome



ด้านหลังจะเป็นโมดูลกล้องทรงกลมขนาดใหญ่ ซึ่งเครื่องสีดำจะมีการตัดขอบพื้นที่กล้องด้วยสีแดง ดีไซน์แบบ “Refined Camera-Inspired” และโค้งเนียนไปกับพื้นที่ฝาหลัง ขณะที่ตัวเครื่องมีสัดส่วน 161.3 x 75.3 x 9.35 มม. และหนัก 226 กรัม มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68


Xiaomi 15 Ultra ให้การจับถือที่ถนัดมือ มีการกระจายน้ำหนักได้ดีแม้ว่าจะมีพื้นที่กล้องขนาดใหญ่ แต่ก็มีข้อความระวังเวลาถ่ายภาพ เนื่องจากพื้นที่กล้องที่มีขนาดใหญ่ถ้าถือไม่ระวังก็อาจจะมีนิ้วติดไปในเฟรมภาพได้

ส่วนกรอบตัวเครื่องจะเป็นอลูมิเนียมผิวด้านที่มีการตัดขอบเหลี่ยมนิดๆ โดยที่ปุ่มกดทั้งหมดจะอยู่ด้านขวาของเครื่อง ด้านล่างเป็นพอร์ต USB-C, ลำโพงหลัก และช่องใส่ซิมการ์ด



พลิกมาด้านหน้าจะพบกับหน้าจอ CrystalRes AMOLED แบนขนาด 6.73 นิ้วปกป้องด้วยกระจก Xiaomi Shield Glass 2.0 โค้งบางๆ 4 ด้าน ตัวจอให้ความละเอียด WQHD+ (3200 x 1440 พิกเซล) ความหนาแน่นพิกเซล 522 ppi ความสว่างสูงสุด 3200nits ใช้งานได้ดีในที่แสงจ้า รองรับ HDR10+ และ Dolby Vision แถมให้สีที่แม่นยำกว่าหน้าจอทั่วไปเพราะรองรับ Original Color Pro | Pro HDR

ส่วนรีเฟรชเรทเป็นแบบปรับอัตโนมัติ 1-120Hz มี Touch Sampling Rate สูงสุด 300Hz พร้อมการรับรองเทคโนโลยีถนอมสายตา TUV Rheinland Low Blue Light (Hardware Solution) Certified, TUV Rheinland Flicker Free Certified และ TÜV Rheinland Circadian Friendly Certified

เรื่องความปลอดภัยในโมเดล Ultra ได้มาพร้อมเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ Ultrasonic fingerprint sensor ให้ใช้งาน

มาต่อกันที่รุ่น Xiaomi 15 ซึ่งจุดขายการออกแบบคือการเป็นเรือธงขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย ดีไซน์ฝาหลังรวมถึงพื้นที่โมดูลกล้องจะเป็นแบบโมเดิล เรียบหรู
ขนาดเครื่อง Xiaomi 15 เรียกว่าพอดีมือ โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 152.3 x 71.2 x 8.08 มม. หนัก 191 กรัม มาตรฐานกันน้ำ IP68 ทำให้ภาพรวมดูพกพาง่ายกว่าตัว Ultra สีที่วางจำหน่ายจะมี สีเรียบๆ อย่าง Black, White และ Green ซึ่งเป็นสีเครื่อง รีวิว ของเรา แต่ถ้าชอบความโดดเด่นก็มีสี Liquid Silver ให้เลือก ซึ่งเป็นสีเงินแบบเมทัลลิก พร้อมลวดลายเป็นคลื่นน้ำ


ส่วนกรอบตัวเครื่องจะเป็นอลูมิเนียมผิวด้านเหมือนกับพี่ใหญ่ โดยที่ปุ่มกดทั้งหมดจะอยู่ด้านขวาของเครื่อง ด้านล่างเป็นพอร์ต USB-C, ลำโพงหลัก และช่องใส่ซิมการ์ด




ด้านหน้าคลุมด้วยกระจก Xiaomi Shield Glass 2.0 ใช้พาแนล CrystalRes AMOLED แบนขนาด 6.36 นิ้ว ความละเอียด 2670 x 1200 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซล 460 ppi ความสว่างสูงสุด 3200nits รองรับ HDR10+ และ Dolby Vision เหมือนพี่ใหญ่

ส่วนรีเฟรชเรทเป็นแบบปรับอัตโนมัติ 1-120Hz มี Touch Sampling Rate สูงสุด 300Hz พร้อมการรับรองเทคโนโลยีถนอมสายตา TUV Rheinland Low Blue Light (Hardware Solution) Certified, TUV Rheinland Flicker Free Certified และ TÜV Rheinland Circadian Friendly Certified รวมถึงมี Ultrasonic fingerprint sensor ให้ใช้งานเช่นกัน

สรุป และ ราคา
Xiaomi 15 Series ยังคงจัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่ผ่านการออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่อยากสัมผัสประสบการณ์การใช้งานระดับพรีเมียม ตั้งแต่ดีไซน์, ฟังค์ชั่น จนถึงการถ่ายภาพ
Xiaomi 15 Ultra จะตอบโจทย์คนที่ต้องการฟังค์ชั่นการถ่ายภาพ-วิดีโอระดับโปรด้วยกล้อง 200MP, AI ล้ำสมัย รวมถึงการใช้งานร่วมกับ Photography Kit Legend Edition ที่จะทำให้ฟินยิ่งขึ้นเมื่อจะยกมือถือขึ้นมาถ่าย

ขณะที่ Xiaomi 15 เหมาะกับคนชอบเรือธงขนาดเล็ก กล้องดีเยี่ยม เน้นพกพาง่ายๆ ชอบการถ่ายสแนปแบบไวๆ แต่ถ้ามีโอกาสยังไงก็อยากให้ลองได้สัมผัสกับสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่น รับรองว่าจะติดใจอย่างแน่นอน
ในส่วนของราคาและการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยมีรายละเอียดดังนี้
Xiaomi 15 Ultra
- รุ่นความจุ 16GB + 1TB สี Silver Chrome วางจำหน่ายในราคา 46,990 บาท ที่ Xiaomi Store และช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ mi.com, Lazada, Shopee, TikTok Shop พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 4 – 14 มีนาคม 2568 รับฟรี Xiaomi 15 Ultra Photography Kit และบริการอื่น ๆ มูลค่ารวม 32,824 บาท
- รุ่นความจุ 16GB + 512GB มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Silver Chrome, Black และ White วางจำหน่ายในราคา 42,990 บาท ที่ Xiaomi Store, ร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ และช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ mi.com, Lazada, Shopee, TikTok Shop พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 4 – 14 มีนาคม 2568 รับฟรี Xiaomi 15 Ultra Photography Kit และบริการอื่น ๆ มูลค่ารวม 32,824 บาท

Xiaomi 15
- รุ่นความจุ 12GB + 512GB มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Green, Black, White และสีพิเศษ Liquid Silver (ซึ่งสี Liquid Silver จะจำหน่ายจำนวนจำกัดเฉพาะบน mi.com เท่านั้น) วางจำหน่ายในราคา 29,990 บาท ที่ Xiaomi Store, ร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ และช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ mi.com, Lazada, Shopee, TikTok Shop พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 4 – 14 มีนาคม 2568 รับฟรี Xiaomi Watch S3 และบริการอื่น ๆ มูลค่ารวม 27,724 บาท
- รุ่นความจุ 12GB + 256GB มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Green, Black, White วางจำหน่ายในราคา 26,990 บาท ที่ Xiaomi Store และ mi.com เท่านั้น พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 4 – 14 มีนาคม 2568 รับฟรี Xiaomi Watch S3 และบริการอื่น ๆ มูลค่ารวม 27,724 บาท
เปิดราคาไทย Xiaomi 15 Series รุ่น Ultra เคาะเริ่มต้น 42,990 บาท
เปิดตัว Xiaomi 15 Ultra ชูจุดขาย กล้อง Telephoto 200MP ระยะ 100 มม