Xiaomi 14 Series สุดยอดมือถือเรือธงพรีเมียมรุ่นใหม่จาก Xiaomi ที่หลายคนรอคอย ล่าสุดก็ได้เปิดราคาพร้อมวางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อย โดยมาด้วยกัน 2 รุ่น คือ Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 ในราคาเริ่มต้นที่ 29,990 บาท

ซึ่งอย่างที่ทราบกันว่า Xiaomi 14 Series นั้นเป็นมือถือรุ่นแรกของ Xiaomi ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3 การันตีประสิทธิภาพระดับแถวหน้าในกลุ่มมือถือเรือธง

และที่สำคัญคือครั้งนี้ยังทำให้คนไทยหลาย ๆ คนได้สัมผัสประสบการณ์การใช้งานกล้องระดับมืออาชีพที่ Xiaomi ร่วมมือกับ Leica (‘co-engineered with Leica’) ในรุ่น Ultra ที่เป็นตัวท็อปสุด เพราะรุ่นก่อน ๆ หน้านี้ที่ผ่านมามีน้อยคนที่จะได้สัมผัส เพราะทางค่ายไม่ได้นำเข้ามาวางจำหน่ายในไทยนั่นเอง

และตอนนี้ Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 นั้นก็ได้มาอยู่ในมือของทีมงาน mxphone เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าอยากรู้ว่าคู่หูเรือธงกล้อง Leica สุดเทพทั้ง 2 รุ่นนี้จะเจ๋งแค่ไหน? ถ่ายรูปเป็นยังไง? ก็ตามมาดูกันในรีวิวนี้กับเราได้เลยครับ

แกะกล่อง

สำหรับตัวกล่องของ Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 จะมาในคนละสีกัน โดย Xiaomi 14 Ultra จะเป็นกล่องสีดำ ส่วน Xiaomi 14 จะเป็นกล่องสีขาว ซึ่งที่บนตัวกล่องก็จะมีชื่อรุ่นระบุไว้กำกับไว้อย่างชัดเจน พร้อมข้อความ “co-engineered with Leica”

ภายในกล่องของทั้ง 2 รุ่น จะประกอบด้วย ตัวเครื่อง พร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งประกอบด้วย สาย USB-C / เคส / ฟิล์มกันรอย (ติดมากับตัวเครื่อง) / อุปกรณ์ถอดถาดซิม / คู่มือการใช้งาน และใบรับประกัน

ดีไซน์

Xiaomi 14 Ultra จะมี 2 สี คือ ดำ (Black) และ ขาว (White) ขณะที่ Xiaomi 14 จะมี 3 สี คือ ดำ (Black), ขาว (White) และ เขียว (Green)

Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 นั้นมีดีไซน์และขนาดตัวเครื่องที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแน่นอนว่า Xiaomi 14 Ultra จะมีขนาดที่ใหญ่กว่า และพรีเมียมกว่า โดยมีสัดส่วนตัวเครื่อง 161.4 x 75.3 x 9.2 มิลลิเมตร น้ำหนัก 219.8 กรัม ส่วนทางด้าน Xiaomi 14 มีสัดส่วนตัวเครื่อง 152.8 x 71.5 x 8.2 มิลลิเมตร น้ำหนัก 193 กรัม และบริเวณตรงกลางด้านบนของหน้าจอของทั้ง Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 จะเจาะรูกล้องหน้า 32MP เหมือนกัน

Xiaomi 14 Ultra มาพร้อมกับหน้าจอ C8 AMOLED ขนาด 6.73 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ (3200×1440 พิกเซล) 522 ppi อัตราส่วน 20:9 รีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz LTPO AdaptiveSync Pro ความสว่าง HBM 1000 nits (typ), 3000 nits (peak) รองรับ Dolby Vision, HDR10+, HDR10, HLG  

ขณะที่ Xiaomi 14 มาพร้อมกับหน้าจอ C8 AMOLED ขนาด 6.36 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2670×1200 พิกเซล) 460 ppi อัตราส่วน 20:9 รีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz LTPO AdaptiveSync Pro ความสว่าง HBM 1000 nits (typ), 3000 nits (peak) รองรับ Dolby Vision, HDR10+, HDR10, HLG

สำหรับฝาหลัง Xiaomi 14 Ultra จะมากับพื้นผิวที่เป็นหนัง Vegan Leather แบบ Nano-tech ให้ความรู้สึกที่ดูหรูหราพรีเมียมสมกับเป็นมือถือเรือธง และยังให้สัมผัสที่คล้ายกับกล้องถ่ายรูปของจริง โดยจะมีโมดูลกล้องรูปทรงวงกลมขนาดใหญ่ที่นูนออกมาจากตัวเครื่องพอสมควร ลักษณะการออกแบบดูคล้ายกันกับเลนส์กล้องถ่ายรูปของ Leica จริง ๆ

ขณะที่ Xiaomi 14 จะมากับพื้นผิวที่เป็นกระจกพื้นผิวมันวาว โดยจะมีโมดูลกล้องรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสโดดเด่นสะดุดตาที่นูนออกมาจากตัวฝาหลังเล็กน้อย

ตัวบอดี้ของ Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 ใช้วัสดุที่เป็นโลหะสวยงามแข็งแรง และมีขอบเครื่องแบบเรียบที่รับกับขอบโค้งมนเล็กน้อยของฝาหลัง ทำให้ถือจับกระชับเข้ารับกับสรีระของฝ่ามือได้ดี พร้อมรองรับการป้องกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 ทั้ง 2 รุ่น

ขอบด้านขวาของทั้ง Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 จะมีปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง ขณะที่ขอบด้านบนของ Xiaomi 14 Ultra จะมีลำโพง และไมโครโฟน ส่วนขอบด้านล่างของทั้ง Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 จะมีช่องใส่ซิมการ์ด พอร์ต USB-C ไมโครโฟน และลำโพงหลัก

ประสิทธิภาพและการใช้งาน

Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 นั้นจะรันด้วย Xiaomi HyperOS ที่อยู่บน Android 14 ไม่ใช่ MIUI เหมือนมือถือของ Xiaomi หลาย ๆ รุ่นที่ผ่าน ๆ มา ซึ่งหน้าตา UI ก็จะเน้นความเรียบง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้ อีกทั้งยังมีลูกเล่นและฟีเจอร์ใหม่ ๆ

ส่วนพวกเมนูการใช้งานหรือการตั้งค่าต่าง ๆ โดยรวมก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากมือถือ Android ทั่วไปที่ใช้งานได้อย่างคุ้นเคยกันดีครับ

ด้านขุมพลังภายในของทั้ง 2 รุ่นใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3 ที่เป็นชิปเรือธงตัวล่าสุด มีหน่วยความจำ RAM LPDDR5X และ Storage UFS 4.0 ทั้งคู่ ซึ่งก็นับว่าแรงเหลือเฟือมากแล้วสำหรับการใช้งานต่าง ๆ เท่าที่มือถือระดับท็อป ๆ ในยุคนี้จะทำได้

หน้าจอของ Xiaomi 14 Ultra รองรับความละเอียด WQHD+ (3200×1440 พิกเซล) แต่ก็สามารถปรับตั้งค่าไปที่ความละเอียด FHD+ (2400×1080 พิกเซล) เพื่อประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้นได้ และสามารถตั้งค่ารีเฟรชเรทหน้าจอได้สูงสุดที่ 120Hz แบบ AdaptiveSync Pro

ขณะที่หน้าจอ Xiaomi 14 จะรองรับความละเอียด 1.5K (2670×1200 พิกเซล) เพียงอย่างเดียว และจะตั้งค่าอัตราการรีเฟรชหน้าจอได้สูงสุดที่ 120Hz แบบ AdaptiveSync Pro

ในด้านความปลอดภัยของ Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และการสแกนใบหน้าเหมือนกันทั้ง 2 รุ่น

ซึ่งความพิเศษของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอของ Xiaomi 14 Ultra นั้นคือเรายังสามารถใช้เป็นที่วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ด้วย

แน่นอนว่าสเปกที่ให้มาของ Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรสำหรับการเล่นเกมทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้ โดยลองทดสอบเล่นเกมสุดฮิตหลากหลายแนวก็เล่นได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด สามารถตั้งค่าความละเอียดกราฟิกระดับสูงได้แบบสบาย ๆ เฟรมเรทไม่มีตก

และไม่ว่าจะใช้งานทั่วไป ใช้เพื่อความบันเทิง หรือเล่นเกม ทั้งสองรุ่นก็สามารถใช้ได้อย่างยาวนานเกือบตลอดวัน โดย Xiaomi 14 Ultra ให้แบตเตอรี่มาที่ 5000mAh รองรับชาร์จเร็วผ่านสายสูงสุด 90W และชาร์จเร็วไร้สาย 80W ขณะที่ Xiaomi 14 ให้แบตเตอรี่มาที่ 4610mAh รองรับชาร์จเร็วผ่านสายสูงสุด 90W และชาร์จเร็วไร้สาย 50W

ส่องกล้อง

มาถึงตรงนี้ก็จะเป็นในเรื่องของการถ่ายภาพที่เรียกว่าเป็นไฮไลท์เด็ดของ Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 เลยก็ว่าได้ กับความร่วมมือกับ Leica เพื่อมอบประสบการณ์การถ่ายภาพระดับมืออาชีพบนมือถือนั่นเองครับ

กล้องหลังของ Xiaomi 14 Ultra เป็น LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.63-2.5/12-120 ASPH. ประกอบด้วย

• กล้องหลัก 23mm Leica Wide 50MP, เซ็นเซอร์ 1 นิ้ว (Sony LYTIA LYT-900), f/1.63-f/4.0, 3.2µm 4-in-1 Super Pixel Size, 8P Lens, OIS
• กล้อง 75mm Leica Floating Telephoto 50MP (Sony IMX858), f/1.8, OIS
• กล้อง 120mm Leica Periscope 50MP (Sony IMX858), f/2.5, OIS
• กล้อง 12mm Leica Ultrawide 50MP (Sony IMX858), f/1.8, 122° FOV

กล้องหลังของ Xiaomi 14 เป็น LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.6-2.2/14-75 ASPH. ประกอบด้วย

• กล้องหลัก 23mm Leica Wide 50MP, เซ็นเซอร์  1/1.31 นิ้ว (Light Fusion 900), f/1.6, 2.4µm 4-in-1 Super Pixel Size, 7P Lens, OIS
• กล้อง 75mm Leica Floating Telephoto 50/32MP (Total/Effective), f/2.0, OIS
• กล้อง 14mm Leica Ultrawide 50MP, f/2.2, 115° FOV

โดยในกล้องถ่ายภาพของ Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 เราจะเห็นโหมดสำคัญจาก Leica คือ Leica Authentic Look หรือภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของ Leica ที่เน้นความเป็นธรรมชาติและสมจริง และ Leica Vibrant Look หรือภาพที่มีชีวิตชีวาจาก Leica ที่เน้นความสดชื่นแจ่มใส

• Leica Authentic Look หรือภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของ Leica จะให้ภาพที่เป็นธรรมชาติและสมจริง ซึ่งเป็นลายเซ็นของ Leica และเป็นที่ประจักษ์มายาวนานอยู่แล้ว โดยเกิดจากการคงไว้ซึ่งความคอนทราสต์ของแสงและเงา จะเพิ่มความรู้สึกของความลึกแบบสามมิติให้กับภาพถ่าย 
• Leica Vibrant Look หรือภาพที่มีชีวิตชีวาจาก Leica ซึ่งได้ผสานข้อดีจากทั้งฝั่ง Xiaomi และ Leica โดยรวมเอาประสบการณ์ของ Xiaomi ในการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนเข้ากับความงามระดับแนวหน้าของ Leica เข้าไว้ด้วยกัน เปิดโอกาสให้เราสามารถพยายามจับช่วงเวลาสำคัญ ๆ ตามเอกลักษณ์ของ Leica เอาไว้ได้บนมือถือ

โหมดสำหรับการถ่ายภาพต่าง ๆ ของทั้ง Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 นั้นก็มีมาครบ และค่อนข้างคล้าย ๆ กัน ซึ่งก็จัดมาให้แบบแน่น ๆ ตามสไตล์ของ Xiaomi ทั้งโหมดอัตโนมัติ โหมดโปร โหมดภาพยนตร์ โหมดวิดีโอ โหมดภาพบุคคล โหมดกลางคืน โหมด 50MP โหมดพาโนรามา โหมดหนังสั้น โหมดสโลโมชั่น โหมดวิดีโอเคลื่อนไหวเร็ว โหมดการเปิดรับแสงนาน และอื่น ๆ

ซึ่งส่วนใหญ่ก็ใช้งานได้ง่ายและไม่มีอะไรซับซ้อนมากนัก ส่วนเรื่องความสวยของภาพก็นับว่าทำได้ดีมาก ๆ

นอกจากนี้ตัว AI ของกล้องก็รู้สึกว่ามาช่วยเพิ่มความสามารถให้กล้องทำงานได้อย่างฉลาดมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย จะถ่ายย้อนแสง ถ่ายที่แสงน้อย ถ่ายกลางคืน ถ่ายบุคคล หรืออะไรก็แล้วแต่ ส่วนใหญ่ใช้โหมดการถ่ายแบบอัตโนมัติยังออกมาสวยโดยแทบไม่ต้องปรับแต่งอะไรเพิ่มเติม รวม ๆ แล้วค่อนข้างประทับใจกับเรื่องกล้องถ่ายภาพของทั้ง 2 รุ่นนี้มาก ๆ ครับ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Xiaomi 14 Ultra

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Xiaomi 14

ทั้งนี้ Xiaomi 14 Ultra ยังมาพร้อมชุดอุปกรณ์เสริม Photography Kit ที่จะสามารถเปลี่ยน Xiaomi 14 Ultra ให้เป็นเหมือนกล้องถ่ายภาพระดับมืออาชีพได้อย่างง่ายดาย ซึ่งครั้งนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์สุดเจ๋งยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย

โดยในชุดอุปกรณ์เสริม Photography Kit นั้นจะประกอบด้วย ตัวเคส / กริป / วงแหวนตกแต่งสีส้มและสีเงิน / วงแหวนอะแดปเตอร์ 67 มิลลิเมตร / สายคล้อง / คู่มือการใช้งาน

บนตัวกริปจะมีปุ่มชัตเตอร์แบบ 2 จังหวะ ที่ทางค่ายเคลมว่ามีความไวของชัตเตอร์เพียง 0.7 วินาที พร้อมทั้งคันโยกซูม ปุ่มบันทึกวิดีโอที่ปรับได้ และแป้นหมุนแบบกำหนดเอง เพื่อให้ใช้งานได้เหมือนกับกล้องถ่ายภาพจริง ๆ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นแบตเตอรี่เสริมขนาด 1500mAh อีกด้วย

ซึ่งก็ต้องบอกว่าชุดอุปกรณ์เสริม Photography Kit นี้เป็นไฮไลท์สำคัญของคนที่อยากซื้อ Xiaomi 14 Ultra มาใช้เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบเรื่องการถ่ายภาพแบบจริงจัง เพราะช่วยให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากชุดอุปกรณ์เสริมนี้ได้แบบจริง ๆ ที่เห็นประโยชน์แบบชัด ๆ เลยก็คือการซูมเวลาถ่ายวิดีโอนั้นตัวคันโยกซูมจะช่วยให้ถ่ายได้แบบสมูทมากขึ้น

ข้อมูลสเปก Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14

สรุป

โดยสรุปแล้วก็คงต้องบอกว่าการที่ Xiaomi ได้ Leica มาเป็นพาร์ทเนอร์ในการพัฒนากล้องบนมือถือร่วมกันนั้น ยังคงทำให้ Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 ดูโดดเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด  ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นหนึ่งในมือถือระดับเรือธงที่ครบเครื่องและน่าสนใจมาก ๆ ณ ตอนนี้ครับ

Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 จึงเป็นมือถือเรือธงสเปกสูง ที่มีความครบเครื่องลงตัวในทุกด้าน ไล่กันตั้งแต่สเปกและประสิทธิภาพที่จัดเต็ม มีชาร์จไวที่เร็วสะใจ งานดีไซน์ก็ดูสวยงามพรีเมียมทันสมัย อีกทั้งเรื่องการถ่ายภาพที่แน่นอนว่ามี Leica เข้ามาช่วย

และด้วยชื่อชั้นของแบรนด์ Xiaomi ที่มีแฟน ๆ ติดตามอย่างเหนียวแน่น จึงเชื่อว่า Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 ทั้ง 2 รุ่นนี้จะได้รับความนิยมไม่แพ้กันกับมือถือเรือธงรุ่นอื่น ๆ ที่ผ่านมา ซึ่งถ้าใครได้ลองสัมผัสของจริงก็น่าจะต้องถูกใจอย่างแน่นอนครับ

ราคา และช่องทางจำหน่าย

Xiaomi 14 Ultra รุ่นความจุ 16GB+512GB วางจำหน่ายในราคา 40,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม

Xiaomi 14 รุ่นความจุ 12GB+512GB วางจำหน่ายในราคา 29,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม

รีวิว Xiaomi 14 Series กล้อง Leica ตัวเทพมาแล้ว – MX | Power ON
[ASMR] Unboxing Xiaomi 14 Series – MX | Power ON