vivo V40 Series 5G มือถือออร่าพอร์ตเทรตรุ่นใหม่จากตระกูล V Series ของ vivo แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำระดับโลก ที่ล่าสุดก็ได้เปิดราคาพร้อมวางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว โดยมาด้วยกัน 2 รุ่น คือ vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่ามือถือตระกูล V Series นั้นมีจุดแข็งในเรื่องการถ่ายภาพทั้งจากกล้องหน้าและกล้องหลัง โดยเฉพาะภาพพอร์ตเทรต
สำหรับ vivo V40 Series 5G ก็ได้ยกระดับนวัตกรรมภาพพอร์ตเทรตให้เหนือไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำที่ร่วมพัฒนากับผู้เชี่ยวชาญด้านเลนส์ระดับโลกอย่าง ZEISS ภายใต้แนวคิด ZEISS Portrait So Pro หรือ ‘พอร์ตเทรตเปิด เกิดทุกคน’ หลังจากได้กระแสตอบรับล้นหลามมาแล้วจาก vivo V30 Series 5G รุ่นก่อนหน้า

และตอนนี้ vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G นั้นก็ได้มาอยู่ในมือของทีมงาน mxphone เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าอยากรู้ว่าคู่หูพอร์ตเทรตกล้อง ZEISS ทั้ง 2 รุ่นนี้จะเจ๋งแค่ไหน? ถ่ายรูปเป็นยังไง? ก็ตามมาดูกันในรีวิวนี้กับเราได้เลยครับ
แกะกล่อง

vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นมาในกล่องโทนสีดำ พร้อมประทับชื่อรุ่นขนาดใหญ่พร้อมข้อความ Co-engineered with ZEISS ใน ‘วงแหวนออร่า’ บริเวณตรงกลางกล่องไว้อย่างชัดเจน

ภายในกล่องของ vivo V40 5G จะประกอบด้วย ตัวเครื่อง พร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐาน ได้แก่ หัวชาร์จ / สาย USB-C / เคส / ฟิล์มกันรอย (ติดมากับตัวเครื่อง) / อุปกรณ์ถอดถาดซิม / คู่มือการใช้งาน และใบรับประกัน

เช่นเดียวกับภายในกล่องของ vivo V40 Pro 5G ก็จะประกอบด้วย ตัวเครื่อง พร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐาน ได้แก่ หัวชาร์จ / สาย USB-C / เคส / ฟิล์มกันรอย (ติดมากับตัวเครื่อง) / อุปกรณ์ถอดถาดซิม / คู่มือการใช้งาน และใบรับประกัน
ดีไซน์

ต้องบอกว่า vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G นั้นก็มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องที่ดูโดดเด่นสวยงามเพรียวบาง น้ำหนักเบา และคงความเป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์ของตระกูล V Series เหมือนเช่นเคย โดยทั้ง 2 รุ่นนี้จะมีดีไซน์เหมือนกัน รวมทั้งขนาดตัวเครื่องที่เท่ากันด้วยสัดส่วน 164.16 × 74.93 × 7.58 มิลลิเมตร


สำหรับ vivo V40 5G จะมีให้เลือกถึง 3 สี คือ สีพีชซันโกลว์ (Sunglow Peach) ที่เป็นสีชูโรงของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ รวมทั้งสีเงินสเตลลาร์ (Stellar Silver) และสีม่วงเนบิวลา (Nebula Purple) ขณะที่ vivo V40 Pro 5G จะมีสีเดียวให้เลือก คือ สีเงินสเตลลาร์ (Stellar Silver)

เคสของ vivo V40 Series 5G ที่แถมมาในกล่อง แต่ละสีก็จะได้แตกต่างกันเพื่อให้เข้ากันกับตัวเครื่อง ซึ่งสีพีชซันโกลว์ (Sunglow Peach) จะได้เคสแบบใส ส่วนสีเงินสเตลลาร์ (Stellar Silver) จะได้เคสสีดำ ขณะที่สีม่วงเนบิวลา (Nebula Purple) จะได้เคสสีม่วง

โดยสีพีชซันโกลว์ (Sunglow Peach) คล้ายกับแสงแรกของดวงอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในยามเช้า มอบพลังบวกผสานความรู้สึกสงบและอบอุ่น เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความหวังและการเริ่มต้นใหม่
ส่วนทางด้านสีเงินสเตลลาร์ (Stellar Silver) ผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับกระจก Fluorite AG มอบสัมผัสของตัวเครื่องที่หรูหรา ทันสมัย และมีระดับ
ขณะที่สีม่วงเนบิวลา (Nebula Purple) เปรียบได้กับสีของทองฟ้าเวลากลางคืนยามปกคลุมด้วยหมอกดาว มอบความรู้สึกลึกลับ น่าค้นหา น่าหลงใหลเหนือกาลเวลา

บริเวณโมดูลกล้องหลังของ vivo V40 Series 5G มีดีไซน์รูปแบบใหม่ ‘Gemini Ring’ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสมมาตรอันงดงามและมีเอกลักษณ์ของกลุ่มดาวราศีเมถุน เพิ่มความสวยงามให้กับโมดูลกล้องหลังด้วยรูปทรงโค้งมนที่ผสมผสานได้อย่างลงตัวกับการออกแบบโดยรวม

โดย vivo V40 5G จะมีกล้อง 2 ตัว เป็นกล้องหลัก 50MP (ISOCELL GNJ) ZEISS OIS ร่วมกับกล้อง 50MP ZEISS Ultra Wide-Angle พร้อม ‘วงแหวนออร่า’ อันเป็นเอกลักษณ์

ขณะที่ vivo V40 Pro 5G จะมีกล้อง 3 ตัว เป็นกล้องหลัก 50MP (Sony IMX921) ZEISS OIS ร่วมกับกล้อง 50MP ZEISS Ultra Wide-Angle และกล้อง 50MP (Sony IMX816) ZEISS OIS Telephoto Portrait พร้อม ‘วงแหวนออร่า’ อันเป็นเอกลักษณ์เช่นเดียวกัน

หน้าจอของ vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นจะเหมือนกัน เป็นจอแบบขอบโค้ง 3D ชนิดจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2800×1260 (1.5K) รองรับรีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz และความสว่างสูงสุด 4500nits แสดงผลได้อย่างคมชัดสีสันสดใส มองเห็นชัดเจนแม้จะอยู่ท่ามกลางแสงแดดจ้า อีกทั้งยังมีขอบจอที่ค่อนข้างบางจึงทำให้มีพื้นที่ในการใช้งานหน้าจอที่กว้าง

บริเวณตรงกลางด้านบนหน้าจอของ vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นจะเจาะรูกล้องหน้า 50MP ZEISS Group Selfie พร้อมด้วยลำโพงสำหรับสนทนาที่อยู่แนบชิดติดขอบจอ และมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบริเวณด้านล่างจอ


ตัวบอดี้ของ vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G ใช้วัสดุที่เป็นพลาสติกขัดเงาสวยงามแข็งแรง แถมยังมีความบางเพียง 7.58 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบาเพียง 190 กรัม (vivo V40 5G) และ 192 กรัม (vivo V40 Pro 5G) พร้อมกับขอบเครื่องแบบโค้งมนที่ถือจับกระชับเข้ารับกับสรีระของฝ่ามือได้ดี


โดยขอบด้านขวาจะมีปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนขอบด้านซ้ายจะเรียบ ๆ ไม่มีอะไร


ขอบด้านล่างจะมีช่องใส่ซิมการ์ด พร้อมทั้งไมโครโฟน พอร์ต USB-C และลำโพง


ขณะที่ขอบด้านบนจะมีไมโครโฟนอีก 2 ตัว พร้อมกับข้อความ “PROFESSIONAL PORTRAIT”
ส่องกล้อง

เรื่องการถ่ายภาพแน่นอนว่าคือหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของมือถือตระกูล V Series ซึ่ง vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G ก็จัดเต็มด้วยการชู ZEISS All Main Camera กับกล้อง 50MP ทุกตัวทั้งหน้าและหลัง พร้อมยกระดับนวัตกรรมภาพพอร์ตเทรตให้เหนือไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำที่ร่วมพัฒนากับผู้เชี่ยวชาญด้านเลนส์ระดับโลกอย่าง ZEISS ภายใต้แนวคิด ZEISS Portrait So Pro หรือ ‘พอร์ตเทรตเปิด เกิดทุกคน’ นั่นเองครับ

กล้องของ vivo V40 5G ประกอบด้วย
- กล้องหลัง 2 ตัว
– กล้อง 50MP ZEISS OIS Main Camera, เซ็นเซอร์ขนาด 1/1.56 นิ้ว (ISOCELL GNJ), รูรับแสง f/1.88
– กล้อง 50MP ZEISS Ultra Wide-Angle Camera, เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.76 นิ้ว, รูรับแสง f/2.0, มุมมองกว้าง 119° - กล้องหน้า 50MP ZEISS Group Selfie Camera, รูรับแสง f/2.0

กล้องของ vivo V40 Pro 5G ประกอบด้วย
- กล้องหลัง 3 ตัว
– กล้อง 50MP ZEISS OIS Main Camera, เซ็นเซอร์ขนาด 1/1.56 นิ้ว (Sony IMX921), รูรับแสง f/1.88
– กล้อง 50MP ZEISS Ultra Wide-Angle Camera, เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.76 นิ้ว, รูรับแสง f/2.0, มุมมองกว้าง 119°
– กล้อง 50MP ZEISS OIS Telephoto Portrait Camera, เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.51 นิ้ว (Sony IMX816), 2x Optical Zoom, 50x Digital Zoom - กล้องหน้า 50MP ZEISS Group Selfie Camera, รูรับแสง f/2.0




ด้วยกล้องที่ให้มานั้นทำให้ vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G ถ่ายภาพได้สวยแทบทุกระยะทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งโหมดสำหรับการถ่ายภาพต่าง ๆ ของทั้ง 2 รุ่นนั้นก็มีมาครบ และค่อนข้างคล้าย ๆ กัน ซึ่งก็จัดมาให้แบบแน่น ๆ ตามสไตล์ของ vivo ทั้งโหมดอัตโนมัติ ภาพบุคคล กลางคืน วิดีโอ หนังสั้น ความละเอียดสูง พาโนรามา สโลโม ไทม์แลปส์ ซูเปอร์มูน ดวงดาว โปร สแนปช็อต อาหาร มุมมองคู่ ไลฟ์โฟโต้ และเอกสาร


อีกทั้ง ZEISS Multifocal Portrait สำหรับถ่ายภาพบุคคลที่รวมทุกระยะโฟกัสระดับมืออาชีพ โดย vivo V40 5G มี 3 ระยะ ได้แก่ 24 มม. สำหรับถ่ายภาพแนวท่องเที่ยวหรือเชิงสร้างสรรค์ / 35 มม. สำหรับถ่ายภาพบุคคลและภาพบรรยากาศ / 50 มม. สำหรับถ่ายภาพบุคคลแบบครึ่งตัว
ขณะที่ vivo V40 Pro 5G นอกจากระยะ 24 มม. / 35 มม. / 50 มม. ที่มีเหมือนกันกับ vivo V40 5G แล้วนั้น ยังเพิ่มระยะ 85 มม. สำหรับถ่ายภาพบุคคลช่วงหน้าอกขึ้นไป กับระยะ 100 มม. สำหรับถ่ายภาพที่เน้นใบหน้าและการสื่ออารมณ์มาให้อีกด้วย






และไม่ว่าจะถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอด้วยโบเก้ ตกแต่งภาพถ่ายด้วยฟิลเตอร์ หรือแม้แต่ใครที่ไม่เก่งเรื่องการโพสต์ท่าถ่ายเซลฟี vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G ทั้ง 2 รุ่นนี้ก็มีไกด์ไลน์ท่าทางสำหรับโพสต์มาแล้วให้พร้อม เชื่อว่าฟีเจอร์นี้ถูกใจบรรดาสาว ๆ อย่างแน่นอน



นอกจากนี้ vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G ยังมีระบบ ‘Aura Light Portrait’ หรือแสงออร่าพอร์ตเทรต ที่อัปเกรดมาใหม่อีกครั้ง ยกระดับภาพพอร์ตเทรตให้ปังขึ้น ด้วยแสงที่นุ่มนวลและการปรับแสงอันชาญฉลาด ซึ่งระบบดังกล่าวเป็นการทำงานของแสงออร่าจากวงแหวนออร่า ควบคู่กับระบบการถ่ายภาพพอร์ตเทรต ที่จะช่วยเพิ่มมิติให้กับภาพถ่ายบุคคลให้โดดเด่น เพิ่มความสว่างและความละมุนอย่างธรรมชาติ

โดยวงแหวนออร่านี้มีระบบปรับอุณหภูมิแสงอัจฉริยะ ที่สามารถปรับให้เป็นโทนเย็นและโทนอุ่นได้หลายระดับตามสภาพแสง เพื่อให้ผสานเข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างลงตัว พร้อมเทคโนโลยีควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ มอบแสงที่นุ่มนวลและครอบคลุมยิ่งขึ้นในภาพถ่ายระยะใกล้ และแสงที่สว่างเพิ่มชัดเจนในภาพถ่ายระยะไกล ผลลัพธ์ภาพพอร์ตเทรตที่ได้จะสว่างและคมชัด ช่วยให้บรรยากาศในภาพสวยงามยิ่งขึ้นอย่างเป็นธรรมชาตินั่นเองครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง vivo V40 5G
















































ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง vivo V40 Pro 5G






























ประสิทธิภาพและการใช้งาน

vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นรันด้วย Funtouch OS 14 เวอร์ชันล่าสุด ที่อยู่บนพื้นฐาน Android 14 ตั้งแต่แกะกล่อง ซึ่งก็มีลูกเล่นและฟีเจอร์ใหม่มากมาย หน้าตา UI เน้นความเรียบง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้ ส่วนพวกเมนูการใช้งานหรือการตั้งค่าต่าง ๆ ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากมือถือ Android ทั่วไปครับ


ด้านขุมพลังภายในของ vivo V40 5G มากับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 7 Gen 3 ขณะที่ vivo V40 Pro 5G มากับชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9200+ ทั้ง 2 รุ่นมีหน่วยความจำ RAM 12GB พร้อมฟีเจอร์ขยาย RAM และ ROM 256/512GB ซึ่งก็นับว่าแรงเหลือเฟือแล้วสำหรับการใช้งานต่าง ๆ เท่าที่มือถือระดับกลางในยุคนี้จะทำได้


โดยฟีเจอร์ขยาย RAM นั้นจะสามารถเปลี่ยนพื้นที่ว่างของหน่วยความจำ ROM ที่ยังไม่ได้ใช้มาเพิ่มเป็น RAM ได้ ซึ่ง vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G ทั้ง 2 รุ่นสามารถเพิ่มได้อีกสูงสุด 12GB รวมเป็น 24GB เลยทีเดียว
แน่นอนการมี RAM สูง ๆ จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการใช้งานให้เป็นไปอย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด จะเล่นเกมหนัก ๆ เปิดหลายแอปพร้อมกัน หรือสลับแอปไปมาก็ไม่มีปัญหา ส่วน ROM ที่ให้มาเยอะก็ช่วยให้หมดกังวลเรื่องหน่วยความจำเต็มเร็ว




ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ของ vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้เต็มอรรถรส ไม่ว่าจะใช้งานทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม ภาพสวยคมชัด ซึ่งถึงแม้ว่าจะรองรับความละเอียดสูง 2800×1260 พิกเซล แต่ก็สามารถปรับตั้งค่าไปที่ความละเอียด 2400×1080 พิกเซล เพื่อประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้นได้ และสามารถปรับอัตรารีเฟรชเรทให้เหมาะสมกับเนื้อหาในการใช้งานได้โดยอัตโนมัติสูงสุดที่ 120Hz






ลองทดสอบการเล่นเกมต่าง ๆ หลากหลายแนวก็เล่นได้แบบสบาย ๆ โดยในเรื่องการเล่นเกมทั้ง 2 รุ่นจะมีฟีเจอร์ Ultra Game Mode ที่สามารถสลับระหว่างโหมด “ประหยัดแบตเตอรี่” โหมด “สมดุล” และโหมด “BOOST” ได้ทันทีจากแถบด้านข้าง ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้สนุกไปกับการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่





โดยสามารถตั้งค่าต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม รวมทั้งการจัดการที่ช่วยให้ไม่ถูกขัดจังหวะจากการแจ้งเตือน หรือสายโทรเข้า เป็นต้น

และไม่ว่าจะใช้งานทั่วไป เพื่อความบันเทิง หรือเล่นเกม vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นก็สามารถใช้ได้อย่างยาวนานเกือบตลอดวัน ด้วยแบตเตอรี่ที่ให้มาแบบจุใจ 5500mAh BlueVolt เทคโนโลยีเดียวกับมือถือรุ่นเรือธง มอบพลังความจุสูงแต่มีขนาดแบตที่เล็กและบางลงกว่าที่เคย

แถมยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นด้วยเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน AI และที่สำคัญคือรองรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว 80W FlashCharge นอกจากนี้ vivo V40 Series 5G ยังมาพร้อมกับลำโพงคู่เป็นครั้งแรกของมือถือตระกูล V Series อีกทั้งยังผ่านการรองรับมาตรฐานทนน้ำ ทนฝุ่น IP68 อีกด้วยครับ
ข้อมูลสเปก vivo V40 Series 5G
vivo V40 5G | vivo V40 Pro 5G | |
ขนาดตัวเครื่อง | 164.16 × 74.93 × 7.58 มิลลิเมตร | |
น้ำหนัก | 190 กรัม | 192 กรัม |
หน้าจอ | AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2800×1260 พิกเซล (1.5K) รีเฟรชเรท 120Hz ความสว่างสูงสุด 4500nits | |
ชิปเซ็ต | Qualcomm Snapdragon 7 Gen 3 | MediaTek Dimensity 9200+ |
หน่วยความจำ | 12GB + 256GB 12GB + 512GB | 12GB + 512GB |
กล้องหน้า | 50MP ZEISS Group Selfie Camera, รูรับแสง f/2.0 | |
กล้องหลัง | – กล้อง 50MP ZEISS OIS Main Camera, เซ็นเซอร์ขนาด 1/1.56 นิ้ว (ISOCELL GNJ), รูรับแสง f/1.88 – กล้อง 50MP ZEISS Ultra Wide-Angle Camera, เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.76 นิ้ว, รูรับแสง f/2.0, มุมมองกว้าง 119° | – กล้อง 50MP ZEISS OIS Main Camera, เซ็นเซอร์ขนาด 1/1.56 นิ้ว (Sony IMX921), รูรับแสง f/1.88 – กล้อง 50MP ZEISS Ultra Wide-Angle Camera, เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.76 นิ้ว, รูรับแสง f/2.0, มุมมองกว้าง 119° – กล้อง 50MP ZEISS OIS Telephoto Portrait Camera, เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.51 นิ้ว (Sony IMX816), 2x Optical Zoom, 50x Digital Zoom |
ระบบปฏิบัติการ | Funtouch OS 14 บน Android 14 | |
แบตเตอรี่ | 5500mAh / ชาร์จเร็ว 80W FlashCharge | |
การเชื่อมต่อ | 5G Dual SIM / Wi-Fi 6 / Bluetooth 5.4 / NFC / USB-C | 5G Dual SIM / Wi-Fi 7 / Bluetooth 5.3 / NFC / USB-C |
สี | – พีชซันโกลว์ (Sunglow Peach) – เงินสเตลลาร์ (Stellar Silver) – ม่วงเนบิวลา (Nebula Purple) | – เงินสเตลลาร์ (Stellar Silver) |
สรุป

โดยปกติแล้วมือถือจากตระกูล V Series ของ vivo หลาย ๆ รุ่นที่ผ่านมาก็มักได้รับความนิยมอยู่แล้ว เพราะเป็นมือถือระดับกลางที่ให้สเปกจัดเต็มสมราคา และเมื่อเทียบกันกับมือถือระดับราคานี้ของคู่แข่งหลาย ๆ เจ้าก็นับว่า vivo V40 Series 5G นั้นทำได้ดีไม่ได้เป็นรองใคร

ซึ่งส่วนตัวยอมรับว่ารุ่นนี้เป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว สำหรับคนที่กำลังมองหามือถือเครื่องใหม่ในงบเริ่มต้นหมื่นกลาง ๆ ซึ่งได้ความครบครันทั้งสเปกที่เร็วแรงประสิทธิภาพดี มีดีไซน์สวยงามและให้ความรู้สึกที่ดีเมื่อได้สัมผัส ที่สำคัญคือเรื่องของการถ่ายภาพที่กล้าการันตีเลยว่ารุ่นนี้สามารถถ่ายได้สวยไม่แพ้มือถือระดับท็อปหลาย ๆ รุ่นในท้องตลาดเลยครับ
ราคา และช่องทางจำหน่าย

vivo V40 5G เปิดราคาจำหน่ายในไทย รุ่น 12GB + 256GB ราคา 15,999 บาท และรุ่น 12GB + 512GB ราคา 17,999 บาท ดูเพิ่มเติม https://bit.ly/3XhNK1z
ขณะที่ vivo V40 Pro 5G เปิดราคาจำหน่ายในไทย รุ่น 12GB + 512GB ราคา 24,999 บาท ดูเพิ่มเติม https://bit.ly/3MjAenV

เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
สั่งซื้อ V40 5G ผ่านช่องทาง vivo online store: https://shop.vivo.com/th/product/2168
สั่งซื้อ V40 Pro 5G ผ่านช่องทาง vivo online store: https://shop.vivo.com/th/product/2169
พิเศษสำหรับผู้ที่สั่งซื้อภายในวันที่ 2 กันยายน – 30 กันยายน 2567 จะได้สิทธิ์รับของสมนาคุณมูลค่ารวมสูงสุดกว่า 12,298 บาท ประกอบด้วย
- หูฟัง vivo TWS 3e (มูลค่า 1,799 บาท เฉพาะผู้ที่ซื้อรุ่น V40 Pro 5G)
- V40 Series 5G Premium Gift Box (มูลค่ารวม 10,499 บาท) ภายในประกอบด้วย เคสใส 1 ชิ้น ตัวยึดกับเคสสีพีช 1 ชิ้น สายคล้องข้อมือแบบเชือกสีดำ 1 ชิ้น กระเป๋าใส่เหรียญสีดำ 1 ใบ และ E-VIP รับประกันตัวเครื่องเพิ่มเป็น 2 ปี ประกันหน้าจอแตก 1 ครั้ง ภายใน 2 ปีแรก
พิเศษยิ่งขึ้น! สำหรับผู้ที่สั่งซื้อในรูปแบบ Walk-In ภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 1 กันยายน 2567 ณ vivo Brand Shop ทุกสาขา รับเพิ่มทันทีหูฟัง vivo TWS 3e สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ V40 5G และส่วนลด 500 บาท สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ V40 Pro 5G