เป็นอีกครั้งที่ Samsung นำความสามารถของระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาเป็นหัวใจสำคัญและครั้งนี้ก็ถูกนำมาตีบวกให้กับมือถือนวัตกรรมจอพับรุ่นฮิตอย่าง Galaxy Z Flip6 เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้
ดีไซน์
มือถือจอพับทรงตลับในรอบนี้ยังคงเจาะกลุ่มแฟชั่นตัวเครื่องถูกดีไซน์ให้กะทัดรัดมากขึ้น ลดสัดส่วนความโค้งมนจากรุ่นก่อน แต่ยังคงได้พื้นที่การใช้งานที่ทรงประสิทธิภาพระดับมือถือเรือธงเช่นเดิม

วัสดุเครื่อง Samsung Galaxy Z Flip6 ยังคงใช้กลไกบานพับข้างในให้เป็นทรงหยดน้ำ (Waterdrop Hinges) ซึ่งก็ต้องทำใจว่ายังคงเห็นรอยพับบนหน้าจอหลักแม้จะไม่ได้ชัดมากก็ตาม ส่วนโครงสร้างหลักยังเป็น Armor Aluminum ส่วนที่เป็นกระจกใช้ Gorilla Glass Victus 2 ส่วนปีนี้มีสีที่วางขายทั่วไปได้แก่ Silver Shadow, Yellow, Blue และ Mint ส่วนสีที่จะขายเฉพาะบน Samsung.com จะประกอบไปด้วย Crafted Black, White และ Orange

ถ้าพูดเรื่องขนาดและน้ำหนักก็อาจจะยังไม่ได้ฉีกจากรุ่น Z Flip5 มากนัก แต่ได้ฟีลลิ่งเวลาถืออยู่บนมือดีขึ้น โดยรุ่นใหม่เครื่องตอนพับจะมีสัดส่วน 85.1 x 71.9 x 14.9 มม. และตอนกางออกจะมีขนาด 165.1 x 71.9 x 6.9 มม. หนัก 187 กรัม อีกจุดที่มีการอัพเกรดคือมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นที่เพิ่มจาก IPX8 มาเป็น IP48




ด้านการจัดวางตำแหน่งของส่วนต่างๆ ยังเหมือนเดิมทั้งขอบด้านขวามีปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มพาวเวอร์ที่เป็นสแกนลายนิ้วมือในตัว ด้านซ้ายเป็นช่องใส่ซิมการ์ด ฐานเครื่องมีพอร์ต USB-C กับลำโพงหลัก และไมโครโฟน ส่วนขอบเครื่องด้านบนมีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน
หน้าจอ
เรื่องของหน้าจอด้านนอก (Cover Screen) ดีไซน์เหมือนกับรุ่นก่อนที่จะเป็นทรงคล้ายไอคอนโฟลเดอร์และเว้นพื้นที่ไว้สำหรับเลนส์กล้องคู่ ซึ่งปีนี้แอบใส่ลูกเล่นตรงขอบเลนส์กล้องที่จะเป็นสีเดียวกันกับตัวเครื่อง ตัวจอนอกใช้พาแนล sAMOLED ขนาด 3.4 นิ้ว เป็นจอสีสัมผัสความละเอียด 720x748px รองรับการแสดงผลสี 16 ล้านสี

ฟังค์ชั่นการใช้งานหน้าจอด้านนอกจัดว่าครบเครื่องไม่ต่างจากรุ่นก่อนทั้งวิดเจ็ตเพื่อเป็นทางลัดในการดูข้อมูลต่างๆ หรือความสามารถในการเปิดใช้แอปพลิเคชั่นที่มีอยู่บนเครื่องจากหน้าจอนอกได้ทุกแอปผ่าน Good Lock รวมถึงการดูและตอบข้อความจากจอนอกได้โดยตรง

นอกจากนี้ Samsung ยังมีการอัพเกรดลูกเล่นสำหรับคนที่ชอบตกแต่งเครื่องโดยใช้ความสามารถของ AI อย่าง
- Realtime Wallpaper : ภาพพื้นหลังแบบไดนามิกที่มีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มลูกเล่นตามลักษณะสภาพอากาศในตอนนั้น
- Generative Wallpaper : ป้อนคำสั่งเพื่อให้ AI สร้างภาพพื้นหลังตามสไตล์ที่เป็นผู้ใช้ต้องการ
- Interactive Wallpaper : ภาพพื้นหลังที่เคลื่อนไหวตามการขยับเครื่อง
สำหรับจอหลักด้านใน (Main Screen) อัพเกรดเป็น Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2640x1080px) รีเฟรชเรทสูงสุด 120HZ ครอบคลุมการแสดงผลสี 16 ล้านสี ความสว่างของจอสูงสุดที่ 2,600nits คลุมด้วยกระจก Ultra Thin Glass (UTG)


กล้อง
เรื่องการถ่ายภาพของ Galaxy Z Flip6 จะทำได้ดีกว่าเดิมโดยมีการอัพเกรดกล้อง FlexCam เพิ่มสเปคกล้องหลักจาก 32 ล้านพิกเซล มาเป็น 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/1.8 ทำงานร่วมกับกล้อง Ultrawide 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.2 รองรับ VDO HDR ส่วนกล้องหน้ารุ่นนี้ 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.2

กล้องหลักและกล้อง Ultrawide ของรุ่นนี้มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ตัวใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี Dual Conversion Gain (DCG) ทำให้เซ็นเซอร์สามารถรับแสงจากสภาพแวดล้อมได้ดีมากขึ้น ผนวกกับ Provisual AI Engine ช่วยลดนอยส์ ลดแสงแฟร์ ทำให้ภาพถ่ายในที่แสงน้อยออกมาดีขึ้น

อีกหนึ่งประสิทธิภาพที่มีการอัพเกรดคือความสามารถด้านการซูมที่ถึงแม้ว่า Galaxy Z Flip จะยังไม่มีกล้อง Telephoto แต่ Samsung ก็เพิ่มเทคโนโลยี AI Zoom Solution เข้ามาให้และยังมีการทำงานร่วมกับ DCG ทำให้ผลลัพท์ภาพถ่ายขณะซูมออกมาดีขึ้น อีกทั้งยังมีลูกเล่น Auto Zoom ที่เป็นการใช้ AI ช่วยเลือกระยะเลนส์กล้องหลังอัตโนมัติไม่ว่าจะเป็นการ Zoom-in, Zoom-out หรือเปลี่ยนเป็นเลนส์ Ultrawide

ส่วนการถ่าย Portrait Mode ของ Z Flip6 จะปรับระยะได้ทั้งแบบ 1x และ 2x และได้ AI Zoom Solution เข้ามาใช้ให้ระยะการเบลอของฉากหลังมีมิติยิ่งขึ้น
การประมวลผล + Galaxy AI
สเปคภายในรุ่นนี้ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 3 ประมวลผลแบบ Octa-core กำลังสูงสุด 3.39GHz ทำงานร่วมกับ RAM 12GB มีตัวเลือกความจำ 256GB กับ 512GB
ในรุ่น Galaxy Z Flip6 มีการอัพเกรดแบตเตอรี่จาก 3700mAh มาเป็น 4000mAh ทำให้มีอายุการใช้งานเพิ่มมากขึ้น รองรับ 25W Adaptive Fast Charging , 10W Fast Wireless Charging และ 4.5W Reverse Wireless Charging และยังเป็นครั้งแรกของ Galaxy Z Flip series ที่มีระบบระบายความร้อน Vapor Chamber

ระบบปฎิบัติการเป็น Android 14 คลุมด้วย One UI 6.1.1 ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสเปคระดับนี้ก็ต้องมีความสามารถของ Galaxy AI ให้ใช้งาน ซึ่งนอกจากลูกเล่นที่เราเห็นในการเปิดตัว Galaxy S24 Series เมื่อตอนต้นปีแล้ว ทาง Samsung ก็ยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้กับมือถือจอพับของปีนี้ไม่ว่าจะเป็น


- Interpreter : ความสามารถ Live Translation เพื่อแปลการสนทนาต่อหน้าแบบเรียลไทม์ที่ในเวอร์ชั่นนี้จะดึงเอาความสามารถสองหน้าจอมาใช้ทำให้บุคลิกภาพขณะใช้งานดีขึ้น โดยที่ผู้ใช้จะสามารถกางเครื่องเพื่อเปิดจอนอกให้คู่สนทนาดูสิ่งที่เรากำลังจะสื่อสารได้ ไม่จำเป็นต้องรุมดูจากหน้าจอเดียวอีกต่อไป และมี Listening Mode เพื่อบันทึกและดูการสนทนาย้อนหลังได้




- Portrait Studio : ใช้ความสามารถ Generative AI ในการแปลงรูปภาพ Portrait ที่มีในเครื่องให้เป็นรูป AI อวตารโดยเลือกได้ถึง 4 สไตล์ แถมใช้ได้ฟรีๆ ไม่มีโควต้าจำกัดการใช้



- Sketch to Image : อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่นำ Generative AI มาใช้งาน โดยที่ผู้ใช้สามารถเพิ่มวัตถุเข้าไปในภาพได้ง่ายๆ เพียงแค่วาดสิ่งต้องการลงไปเพื่อให้ AI แปลงลายเส้นดังกล่าวให้เป็นภาพได้ ซึ่งนอกจากการทำงานบนรูปภาพแล้ว ตัวฟีเจอร์นี้ก็ยังรองรับการแปลง Prompt ที่เป็นข้อความในแอป Samsung Notes ให้เป็นรูปภาพด้วย







- Composer : หนึ่งในความสามารถที่อัพเกรดเข้ามาใน Chat Assist บน Samsung Keyboard โดยฟีเจอร์นี้ผู้ใช้เพียงแค่ป้อนสิ่งที่ต้องการเข้าไปตัว AI ก็จะสร้างข้อความและปรับแต่งสไตล์ให้เหมาะสมตามที่สั่งได้ ซึ่งจะต่างจาก Writing Style ที่เปิดตัวกับ Galaxy S24 Series ที่ผู้ใช้จะต้องร่างข้อความที่ต้องการขึ้นมาก่อนแล้วค่อยให้ AI ช่วยปรับแต่งภาษาและสไตล์ที่ต้องการ สำหรับผู้ใช้ชาวไทยก็ไม่ต้องห่วงว่าจะเจอคำประหลาดๆ เพราะทางทีม Samsung Thailand มีการจ้างทีมโมเดลภาษาไทยมาช่วยพัฒนาการเรียนรู้ของ AI ทำให้การสื่อสารคำไทยออกมาเป็นธรรมชาติขึ้น
ราคาและการวางจำหน่าย
Samsung Galaxy Z Flip6 จะมีวางจำหน่ายในไทย 2 สเปค ได้แก่ 12/256GB อยู่ที่ 42,900 บาท และ 12/512GB ราคา 47,900 บาท
Galaxy Z Fold6, Z Flip6 และ Galaxy Buds3 Series พร้อมเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม และจะวางจำหน่ายทั่วไปในวันที่ 24 กรกฎาคมเป็นต้นไป