สิ่งที่น่าจดจำในโลกของ Smartphone ปี 2014 คงหนีไม่พ้นปรากฏการณ์ Zenfone ครองเมือง การเปิดตัวที่งาน CES 2014 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทาง ASUS ได้แสดงศักยภาพในแง่การวางราคาเครื่องที่คุ้มค่าเกินกว่าใคร ด้วย Spec เครื่องที่หรูหรา แถมดีไซน์ที่ออกแบบได้สวยงามและลงตัว ซึ่งหลังจากคลื่น Zenfone ได้พัดเข้าฝั่ง ทำให้ตลาด Smartphone ของทุกประเทศแทบป่วน เพราะเนื่องด้วยความคุ้มค่าของตัวเครื่อง ทำให้นาทีนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า Zenfone คือ ทางเลือกของคนทุกๆคนที่กำลังมองหา Smartphone ตัวใหม่ และสำหรับประเทศไทยนั้นทาง ASUS ก็ได้ออกมาประกาศว่าพวกเค้าจำหน่ายเครื่องไปแล้วกว่า 200,000 เครื่อง เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ชัดเจนว่าพวกเขาแรงจริง
รุ่นพี่ทั้ง 3 อย่าง Zenfone 4, Zenfone 5 และ Zenfone 6 ประสบความสำเร็จกันไปแล้ว ทำให้ทาง ASUS ไม่รอช้า เปิดตัวรุ่นทางเลือกเพิ่มเติมออกมาอย่างเงียบๆ กับรุ่น Zenfone 4 รุ่นใหม่ที่ใช้ชื่อรหัสว่า A450CG หรือเราจะเรียกมันว่า Zenfone 4.5 ก็กว่าได้ เพราะว่าหน้าจอมันขนาด 4.5 นิ้วนั่นเอง ในขณะเดียวกัน Zenfone 4 ตัวขนาดหน้าจอ 4 นิ้ว ก็ยังคงทำตลาดอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ผมก็ได้มันมาอยู่ในมือแล้ว เอาเป็นว่าเรามาดูกันดีกว่าว่า เจ้า Zenfone 4.5 นั้นจะมีดีน่าใช้กันยังไง ไปติดตามกันเลยครับ
Design
Zenfone 4.5 ยังคงดีไซน์ไม่ต่างจากรุ่น Zenfone 4 ซึ่งทาง ASUS เคยออกมาบอกว่าที่พวกเค้าตั้งชื่อ Zenfone นั้นเป็นเพราะต้องการผสมผสานความลงตัวระหว่างการออกแบบและ Software ดังนั้นการออกแบบเครื่องก็ถือเป็นเรื่องนึงที่ทาง ASUS ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งผลลัพธ์ที่เราเห็นก็คือการออกแบบที่เรียบง่าย เชิงเดียวกับพวก HTC หรือ Lenovo คือเรียบง่ายแต่ดูหรูหรา ซึ่งวัสดุโดยรวมทั้งหมดของเครื่องคือพลาสติก ซึ่งเป็นส่วนของฝาหลังครอบมาถึงส่วนขอบข้างเครื่องไปเลย ดังนั้นเวลาแกะฝาหลังก็สามารถเปลี่ยนสีเครื่องไปได้ทั้งหมดเลย (ถ้าซื้อฝาหลังสีอื่นมาเปลี่ยน)
ลองจับเครื่องดูพบว่าการประกอบนั้นดูแน่นพอใช้ได้ แต่เวลาบีบเครื่องแน่นๆยังรู้สึกได้ว่าฝาหลังยังมีการประกบกับเครื่องไม่ค่อยแน่นเท่าไรนักครับ ส่วนเรื่องความหนานั้นหนากว่า Zenfone 5 ประมาณ 1 มม. แต่พอๆกับของ Zenfone 4 ครับ บอกเป็นตัวเลขก็อยู่ที่ 11.3 มม. ก้ถือว่าค่อนข้างหนาพอสมควรครับ
ด้านหน้ามาเป็นทรงมาตรฐานของ Smartphone ใช้แผงด้านหน้าเป็นกระจกทั้งหมด ในขณะที่ตัวปุ่มต่างๆใช้เป็นปุ่ม Capacitive ที่ค่อนข้างจะมีขนาดใหญ่พอดี กดได้ไม่ยาก ส่วนแผงล่างเองออกแบบเป็น Gimmick นิดหน่อยคือเป็น Metallic ใส่ลายโค้งไล่จากในออกมาด้านนอก ทำให้เวลามองแล้วจะรู้สึกว่ามีเป็นเงาสะท้อนแสง สวยงามเป็นเอกลักษณ์ของ Zenfone
รอบๆตัวเครื่อง ดีไซน์ได้เรียบๆไม่มีลายเส่นอะไร มีแค่รอยตัดระหว่างส่วนขอบหน้ากับฝาหลังเท่านั้นเอง พวกปุ่มทั้งหมดเทมาอยู่ที่ด้านขวาของเครื่อง ตัวปุ่มนูนออกมาไม่มากนัก ทำให้กดยากกว่าของรุ่นก่อนๆอย่าง Zenfone 4, 5 และ 6 แต่ถ้าเทียบกับรุ่นทั่วๆไปก็ถือว่ายังกดได้ง่ายอยู่ครับ ส่วนอีกด้านของเครื่องเรียบๆไม่มีอะไรเลยครับ
ด้านบนของเครื่องมีช่องใส่หูฟัง 3.5 มม. อย่างเดียว ส่วนด้านล่างมีไมค์สนทนาและช่องเชื่อมต่อ microUSB
ด้านหลังเครื่องมีกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซลตรงกลาง ดีไซน์ออกแบบเหมือนกับ Zenfone รุ่นก่อนๆ ทั้งหมด มี LED Flash มาให้ด้วย ส่วนด้านล่างนอกจากจะมีโลโก้ Zenfone และ Intel แล้วยังมีลำโพง speaker อยู่ด้านล่าง แต่เป็นส่วนโค้งรับเข้าด้านหน้า ทำให้เวลาวางเครื่องหงายขึ้นก็ยังคงได้ยินเสียงจากลำโพงชัดเจน
ฝาหลังสามารถแกะออกมาได้ ไม่ยากไม่ง่าย มีร่องแงะอยู่ที่ด้านข้างเครื่องด้านขวา ซึ่งเวลาแกะออกมานั้นเครื่องแทบจะโล้นไปเลยครับ
แกะออกมาพบกับช่องใส่ซิมทั้ง 2 ช่อง อยู่ตรงกลางโดดเด่นมาก เหมือนกับของ Zenfone 5 และมีช่อง microSD card อยู่ด้านบนขวา ส่วนแบตเตอรี่ไม่สามารถแกะออกมาได้เช่นกันครับ แตกต่างจากของ Zenfone 4 ครับ
Value of design
ฝาหลังสามารถถอดได้และกินพื้นที่มากถึง 60% ของเครื่อง ทำให้เวลาเปลี่ยนฝาหลังก็เปลี่ยนไปทุกอย่างด้วย โดยเฉพาะปุ่มด้านข้างเครื่องที่ถ้าหากเป็นรอยก็แค่เปลี่ยนฝาหลังเท่านั้นเอง
ด้านหน้ามีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์คือใส่วัสดุ Metallic พร้อมลายเส้นที่โดดเด่น