
ในยุคที่สามารถใช้ AI สร้างคอนเทนต์ได้ง่ายดาย ปัญหา “Deepfake” หรือวิดีโอปลอมแปลงก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยแพลตฟอร์มตรวจสอบ ตัวตนอย่าง Sumsub รายงานว่า Deepfake เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าทั่วโลกตั้งแต่ปี 2023 ถึง 2024 และคิดเป็น 7% ของการฉ้อโกงทั้งหมดในปี 2024 ตั้งแต่การแอบอ้างตัวตน ไปจนถึงแคมเปญทางวิศวกรรมสังคมที่ซับซ้อน
ทาง Meta ก็หวังที่จะได้มีส่วนสนับสนุนในการรับมือกับ Deepfake โดยเปิดตัวเครื่องมือใหม่ล่าสุด “Meta Video Seal” ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพนซอร์สสำหรับฝังลายน้ำที่มองไม่เห็นในวิดีโอที่สร้างโดย AI โดยที่เครื่องมือนี้ออกแบบมาเพื่อให้สามารถผสานรวมเข้ากับซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ และเป็นส่วนหนึ่งของชุดเครื่องมือลายน้ำของ Meta ร่วมกับ Watermark Anything และ Audio Seal
แม้ว่าจะมีเทคโนโลยีที่คล้ายกัน เช่น SynthID ของ DeepMind และวิธีการลายน้ำวิดีโอของ Microsoft แต่วิธีการเหล่านี้ก็ยังมีข้อบกพร่อง เช่น ไม่ทนทานต่อการบีบอัดวิดีโอ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยเมื่อแชร์เนื้อหาผ่านแพลตฟอร์มโซเชียล ไม่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในวงกว้าง ไม่เปิดเผยหรือไม่สามารถทำซ้ำได้ หรือได้มาจากลายน้ำรูปภาพ ซึ่งไม่เหมาะสมสำหรับวิดีโอ
นอกจากลายน้ำแล้ว Video Seal ยังสามารถเพิ่มข้อความที่ซ่อนอยู่ลงในวิดีโอ ซึ่งสามารถเปิดเผยในภายหลังเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาได้ โดยทาง Meta อ้างว่า Video Seal ทนทานต่อการแก้ไขทั่วไป เช่น การเบลอและการครอบตัด รวมถึงอัลกอริทึมการบีบอัดยอดนิยม
อย่างไรก็ตาม Video Seal ยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น ความสมดุลระหว่างการมองเห็นลายน้ำและความทนทานต่อการแก้ไข แต่ Meta กำลังพยายามกระตุ้นให้นักพัฒนาและภาคอุตสาหกรรมนำไปใช้งาน ผ่านการเปิดตัวกระดานจัดอันดับ Meta Omni Seal Bench เพื่อเปรียบเทียบวิธีการลายน้ำ และการจัดเวิร์กช็อปในงาน ICLR ซึ่งเป็นการประชุมด้าน AI ระดับโลก
Meta AI รองรับ ภาษาไทย แล้ว พร้อมฟีเจอร์สร้างภาพและตอบคำถามอัจฉริยะ
Meta เปิดเทศกาล Facebook IRL ในไทย เชื่อมต่อประสบการณ์จริง