รีวิว Keychron K2 Pro คีย์บอร์ดแบบแมคคานิคที่ออกแบบมาได้อย่างลงตัวทั้งขนาดที่กะทัดรัดสามารถพกพาได้ ไม่กินพื้นที่ใช้งานบนโต๊ะ แถมยังรองรับการทำงานได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย ภายใต้ราคาที่จับต้องง่าย
สเปค Keychron K2 Pro Mechanical Keyboard
- ขนาด 316.6 x 126.91 มม. หนัก 1070 กรัม
- ความสูง
- ไม่รวมคีย์แคป หน้า 24.85 มม. / ท้าย 33.2 มม.
- รวมคีย์แคป หน้า 32 มม. / ท้าย 42.07 มม.
- ระดับองศาการพิมพ์ 5, 9.2 และ 12 องศา
- คีย์บอร์ดขนาดเลย์เอาท์ 75% มี 84 ปุ่ม
- จัดวางเลย์เอาท์แบบ ANSI
- มี Multimedia Keys 12 ปุ่ม
- วัสดุของเฟรมใช้ ABS/ABS+Aluminum frame
- วัสดุเพลทเป็นโลหะ
- วัสดุคีย์แคปเป็น Double-shot PBT ภาษาไทย
- มีคีย์แคปโปรไฟล์แบบ OSA (OEM profile with spherical-angle)
- ใช้สวิตช์ Keychron K Pro Mechanical
- Switch Face แบบ South-facing
- ใช้ PCB-mounted screw-in stabilizers (Hot-swappable version)
- Plate-mounted stabilizers (Non-hot-swappable version)
- Polling Rate
- Wired Mode 1000Hz
- Wireless Mode 90Hz
- มี N-Key Rollover
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.1 และผ่านสาย USB Type-C
- ระบบที่รองรับ macOS/Windows/Linux
- แบตเตอรี่ลิเธียมโพลิเมอร์ขนาด 4,000mAh
- อายุการใช้งานสูงสุด 290 ชั่วโมง (ปิดแบ็คไลท์) และ 150 ชั่วโมง (เปิดแบ็คไลท์)
- อุปกรณ์ภายในกล่อง
- 1 x Keychron K2 Pro
- 1 x สาย USB-C
- 1 x อุปกรณ์ดึงสวิตช์
- 1 x อุปกรณ์ดึงคีย์แคป
- 1 x ไขควง
- 1 x คู่มือการใช้งาน











การออกแบบ
Keychron K2 Pro เป็นคีย์บอร์ดแบบแมคคานิคที่เลย์เอาท์เป็นแบบ 84 คีย์ หรือ 75% บอดี้อลูมิเนียม หนัก 1070 กรัม มีขนาด 311.6 x 121.6 มิลลิเมตร ถือว่าเป็นขนาดที่กำลังดีเหมาะแก่การพกพาไปใช้งานในสถานที่ต่าง ๆ และไม่กินพื้นที่บนโต๊ะ

ด้านใต้ของคีย์บอร์ดจะมีขาตั้งที่สามารถปรับระดับองศาได้ 3 ระดับตั้งแต่ 5, 9.2 และ 12 องศา เพื่อรองรับข้อมือผู้ใช้ตามหลักสรีรศาสตร์ทำให้ลดอาการปวดข้อมือเมื่อใช้งานไปนาน ๆ ด้านขวามีพอร์ต USB-C กับปุ่มสวิตช์สำหรับปรับรูปแบบการเชื่อมต่ออุปกรณ์



คีย์แคปโปรไฟล์ OSA แบบโค้งมน ขณะที่คีย์แคป PBT ลงสีแบบ Double-shot สามารถเปลี่ยนได้ว่าจะให้เป็นปุ่มของ Windows หรือปุ่มของ MacOS รวมถึงมีทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษบนแป้น โดยที่ฟอนต์ภาษาไทยบนแป้นพิมพ์จะเป็น “KC บรรทัดทอง” ฟอนต์ที่ Keychron Thailand ออกแบบร่วมกับบริษัทคัดสรรดีมาก

K2 Pro มีซ็อกเก็ตแบบ Hot-swappable สามารถ Hot-swap ได้กับสวิตช์ทุกตัวบนคีย์บอร์ด โดยรองรับสวิตช์แมคคานิคอล MX style แบบ 3 Pin และ 5 Pin เกือบทั้งหมดในตลาด รวมถึง Cherry, Gateron, Kailh, Panda โดยไม่ต้องบัดกรี

ขณะที่ของ Keychron Thailand เองก็มีการนำเข้าสวิตช์มาให้ลูกค้าเลือก 3 แบบ ได้แก่ Red switch, Brown switch, และ Blue switch โดยที่สวิตช์ถูกผลิตโดย Gateron หนึ่งในแบรนด์คีย์บอร์ดสวิตช์สำหรับแมคคานิคคีย์บอร์ดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

สำหรับสวิตช์แต่ละสีก็จะมีแรงกด, น้ำหนัก, แรงต้าน และเสียงที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ใช้ ส่วนสวิตช์ที่เราได้มาเป็น Brown ซึ่งเป็นประเภท Tactile แรงกดสองจังหวะลูกผสมระหว่าง Red switch ที่เป็น Linear กับ Blue switch ที่เป็น Clicky
นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังได้เพิ่มสเตบิไลเซอร์ PCB-mounted screw-in เข้าไปในตัวคีย์บอร์ดเพื่อช่วยให้สัมผัสการพิมพ์ที่นุ่มนวลและช่วยให้การกดปุ่มใหญ่ ๆ อย่าง ปุ่ม Space bar, Shift, Enter และ Backspace มีความแน่นไม่โยกเยก ส่วนใครที่เป็นสายปรับแต่ง Keychron K2 Pro เองก็ยังรองรับสเตบิไลเซอร์ยี่ห้ออื่น ๆ ด้วย



การใช้งาน
ตัวคีย์บอร์ด Keychron K2 Pro เรียกว่าพร้อมใช้ตั้งแต่แกะกล่องโดยที่ทางแบรนด์มีการทำ Foam Mod และ Pre Lube มาให้เรียบร้อย
K2 Pro รองรับการทำงานทั้งแบบไร้สายและต่อสายโดยที่แบบไร้สายจะใช้การเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.1 จับคู่กับอุปกรณ์ได้สูงสุด 3 เครื่อง รองรับทั้ง แล็ปท็อป, โทรศัพท์ และ แท็บเล็ต โดยที่สามารถสลับการทำงานไปมาได้อย่างรวดเร็ว และเข้ากันได้ทั้งกับอุปกรณ์ที่เป็น Mac / iOS และ Windows / Android

ในการเริ่มจับคู่แบบ Bluetooth ก็ทำได้ด้วยการปรับสวิตช์คีย์บอร์ดเป็น BT (ฺBluetooth) ตามด้วยการกดปุ่ม “Fn+1” ค้างไว้ 4 วินาทีเพื่อเปิดใช้งานการจับคู่ Bluetooth จากนั้นไฟแสดงสถานะ Bluetooth จะกะพริบเร็วเป็นเวลา 3 นาทีเพื่อตรวจจับการจับคู่ ต่อมาใหเ้มาดูที่บนอุปกรณ์ค้นหา Bluetooth “Keychron K2 Pro” และเชื่อมต่อ โดยที่ตัวแป้นพิมพ์นี้รองรับการจับคู่อุปกรณ์ได้สูงสุด 3 เครื่องพร้อมกันโดยใช้ปุ่มผสม “fn” + “1”, “fn” + ‘2″ และ “fn” + “3”

สำหรับคนที่ใช้ Mac คียบอร์ด K2 Pro นับว่าเป็นหนึ่งในคีย์บอร์ดไม่กี่รุ่นของตลาดที่มีปุ่มมัลติมีเดียและปุ่มฟังก์ชั่นเหมือนกับคีย์บอร์ด Apple โดยที่มีคีย์แคป 3 ปุ่มสำหรับแต่ละระบบฏิบัติการมาให้เลือกเปลี่ยน แถมผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่า Keymap ที่แตกต่างกันสำหรับทั้งอุปกรณ์ Mac และ Windows ด้วยโปรแกรม QMK และ VIA

แน่นอนว่าตัวโปรแกรมดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้ปรับแต่งคีย์บอร์ดตั้งแต่การตั้ง Keymap, Macros รวมถึงระบบ Lighting สำหรับตั้งค่าแสงไฟ RGB LED ซึ่ง Keychron K2 Pro มีไฟ RGB แบบ South-facing สามารถตั้งค่า RGB backlight มากกว่า 22 แบบ รวมถึงไฟแบ็กไลท์สีขาวแบบคงที่



นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกการตั้งค่าแบบเร่งด่วนผ่านคีย์ลัด อาทิ
- กด fn + Q เพื่อเปลี่ยนเอฟเฟกต์แสง
- กด fn + tab เพื่อเปิด/ปิดไฟ
- กด fn + W เพื่อเพิ่มความสว่างของแบ็คไลท์
- กด fn +S เพื่อลดความสว่างของแบ็คไลท์
- กด fn +T เพื่อเพิ่มความเร็วเอฟเฟกต์แสง
- กด fn +G เพื่อลดความเร็วเอฟเฟกต์แสง
สำหรับข้อมูลการใช้งานทั้งหมดสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากคู่มือการใช้งานที่แถมมาให้ในกล่องและถึงแม้ว่าคู่มือจะไม่ได้มีภาษาไทยแต่สำหรับคนที่เริ่มเล่นคีย์บอร์ด หรือเริ่มใช้ Keychron เป็นครั้งแรกก็สามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ จากศัพท์พื้นฐานและภาพประกอบที่ชัดเจน
สรุป+ราคา
เริ่มแรกต้องบอกก่อนว่าส่วนตัวไม่ได้ใช้งานคีย์บอร์ดแบบแมคคานิคมานานหลายปี สำหรับ Keychron K2 Pro เรียกว่าประทับใจตั้งแต่งานประกอบวัสดุโครงสร้างที่แข็งแรงไม่เบาและไม่หนักจนเกินไปทำให้ยังคงพกพาได้สะดวก แต่ในขณะเดียวกันเวลาลงน้ำหนักพิมพ์ตัวคีย์บอร์ดก็ยังไม่มั่นคงอยู่กับที่ รวมถึงมีความสามารถในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งแบบมีสายและไร้สาย สลับไปมาระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็วทำให้สะดวกต่อการใช้งาน

ฟีลลิ่งเวลากดปุ่มต่าง ๆ ก็ทำได้ดีมีความแน่น เสียงกดฟังแล้วลื่นหู มีลูกเล่นไฟ RGB ใต้แป้นให้เป็นสีสันในการใช้งาน แต่ถ้าถามว่าไม่ชอบอะไรตรงปุ่มกดก็คงเป็นการจัดวางปุ่ม Screenshot ไว้ใกล้กับปุ่ม Backspace และ del ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะความไม่ชินกับคีย์บอร์ดไซส์ประมาณนี้ทำให้บางทีจังหวะพิมพ์เพลิน ๆ ก็มีก้าวนิ้วพลาดไปโดนปุ่มนี้บ่อยครั้งอยู่เหมือนกัน ซึ่งส่วนนี้ก็อาจจะแก้ไขได้ด้วยการทำตัวเองให้ชินหรือใช้การปรับแต่งเลย์เอาท์ของปุ่มใหม่
ปิดท้ายด้วยเรื่องของราคา Keychron K2 Pro เคาะราคาขายในไทยที่ 4,790 บาท สามารถเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้
เปิดตัว RAZER BLACKWIDOW V4 75% ที่สุดของคีย์บอร์ดเกมมิ่งสาย คัสต้อม