รีวิว HUAWEI FreeClip หูฟังไร้สายที่มาพร้อมรูปโฉมอันเป็นเอกลักษณ์แบบ C-Bridge Design เพื่อการสวมใส่ที่สบาย และใช้งานได้นานสูงสุด 32 ชั่วโมง
สารบัญ
สเปค HUAWEI FreeClip
- ขนาด หูฟัง (สัดส่วนโค้ง) 22 x 15.65 x 10.34 มม. / เคสชาร์จ 59.7 x 51.95 x 27.35 มม.
- น้ำหนักหูฟัง 5.6 กรัม / เคสชาร์จ 45.8 กรัม
- สีที่วางจำหน่าย ดำ / ม่วง
- หูฟังมีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP54
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3
- สนับสนุนไฟล์สัญญาณ SBC,AAC,L2HC และ LC3
- ไดรเวอร์ไดนามิกแม่เหล็กคู่ 10.86 มม.
- รองรับช่วงความถี่เสียง 20Hz – 20kHz
- ไมโครโฟน 2 ตัว + ไมโครโฟน VPU 1 ตัว
- เซ็นเซอร์ VPU sensor/IMU sensor/Hall sensor/CAP sensor
- ขนาดแบตเตอรี่ หูฟัง 55mAh / เคสชาร์จ 510mAh
- รองรับการใช้งาน 8 ชั่วโมง และอยู่ได้นานสูงสุด 36 ชั่วโมง เมื่อใช้ร่วมกับเคส
- รองรับชาร์จไว 10 นาที ใช้ได้สูงสุด 3 ชั่วโมง
แกะกล่อง
ขนาดแพ็คเกจของ HUAWEI FreeClip เป็นทรงสีเหลี่ยมสีขาวตามมาตรฐานแพ็คเกจหูฟังของ HUAWEI แต่จะมีความแตกต่างเล็กน้อยตรงที่หน้ากล่องจะไม่มีรูปหูฟัง และระบุแค่ชื่อสินค้าเท่านั้น ส่วนอุปกรณ์ภายในนอกจากหูฟังกับเคสแล้ว ก็จะมีสายชาร์จ USB-C, คู่มือการใช้งาน และใบรับประกันสินค้า




ดีไซน์
HUAWEI FreeClip เป็นหูฟังไร้สาย TWS ที่ถูกออกแบบได้อย่างโดดเด่น โดยมีความเป็นแฟชั่นและฟังค์ชั่น โดยที่หูฟังเป็นแบบ Open ear ทำให้ผู้ใช้ยังคงรับรู้ถึงสถานการณ์รอบข้างแม้จะใส่หูฟังอยู่ และยังเป็นการดูแลรักษาสุขอนามัยของหูเนื่องจากหูฟังในลักษณะนี้จะยังมีพื้นที่ให้อากาศไหลเวียนภายในช่องหู ทำให้ไม่เกิดการอับชื้นเมื่อใส่ไปนาน ๆ หรือใส่ทำกิจกรรมที่มีการเปียกเหงื่อ

ทาง HUAWEI เรียกงานออกแบบนี้ว่าเป็น C-Bridge Design ตามลักษณะของหูฟังที่โค้งเป็นรูปตัว C นำเสนอความเรียบง่าย ตรงตามหลักสรีระของหู ซึ่งหูฟังจะหนักแค่ 5.6 กรัม เมื่อผสานเข้ากับการออกแบบสไตล์ C-Bridge ก็ทำให้มีการกระจายน้ำหนักได้ดี ซึ่ง HUAWEI เองได้ออกแบบหูฟังตามรูปทรงหูของผู้ใช้จริงถึง 10,000 ตัวอย่าง

สำหรับพาร์ทการออกแบบหูฟังจะแบ่งเป็น 3 ส่วนได้แก่
- Comfort Bean : แป้นรูปทรงคล้ายถั่วเป็นจุดที่สัมผัสกับบริเวณหลังหูที่การออกแบบได้แรงบันดาลใจมาจาก The Bean หรือ Cloud Gate ประติมากรรมสาธารณะในเมืองชิคาโก้
- Acoustic Ball : ส่วนที่อยู่ภายในช่องหูที่ภายในจะมีลำโพงไดรเวอร์ยิงเสียงตรงเข้าสู่ช่องหูทำให้ได้ยินเสียงชัดเจน และไม่สร้างแรงกดกับบริเวณกระดูกอ่อนในหู
- C-bridge : ก้านที่เชื่อมต่อระหว่าง Bright Comfort Bean กับ Acoustic Ball โดยที่ภายในจะมีสายไฟ และสายทองแดง 9 สาย โดยที่ตัวก้านเป็นนิกเกิลไทเทเนียม (Ni-Ti) มีคุณสมบัติการคืนรูป หุ้มด้วย TPU ทำให้เป็นมิตรต่อผิวหนัง ตัวก้านมีความโค้ง 11.4 องศา และมีแรงหนีบแค่ 0.15N



ขณะที่ตัวเคสเองถูกดีไซน์ให้เป็น มน ๆ กลม ๆ คล้ายกับหอยเชลล์ ด้านหน้ามีโลโก้ กับไฟแสดงสถานะ ด้านล่างเป็นพอร์ต USB-C และด้านขวามีปุ่มสำหรับรีเซ็ตการเชื่อมต่อ โดยที่หูฟังจะมีขายในไทยสองสีได้แก่ สีดำ กับ สีม่วง (แอบบอกก่อนสำหรับใครที่กำลังสนใจว่าตัว HUAWEI FreeClip สีม่วง จะมีเข้ามาในจำนวนจำกัด)





การใช้งาน
หูฟัง HUAWEI FreeClip มากับ Bluetooth 5.3 รองรับการเชื่อมต่อทั้งกับอุปกรณ์ที่เป็น Harmony OS, Android และ iOS ผ่านแอป AI Life รวมถึงรองรับการเชื่อมต่อแบบ Dual Device สลับการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ได้อัตโนมัติ


การสวมใส่หูฟังก็ไม่ต้องกังวลเรื่องซ้ายขวาเพราะ FreeClip มีคุณสมบัติ Auto Left-Right Recognition สามารถรับรู้และสลับข้างหูฟังเป็น ซ้าย-ขวา ได้อัตโนมัติ รวมถึงมีฟีเจอร์หยุดเล่นเพลงชั่วคราวเมื่อถอดหูฟังออก

ขณะที่หูฟังมีระบบสั่งงานแบบสัมผัสที่เราสามารถแตะสั่งงานได้ทั้ง ตรงก้าน, Comfort Bean และ Acoustic Ball โดยที่การสั่งงานพื้นฐานจะเป็น
- แตะสองครั้ง : เล่น/หยุดเสียงชั่วคราว หรือรับสาย/วางสาย
- แตะสามครั้ง : เล่นเพลงถัดไป


เรื่องคุณภาพเสียง HUAWEI FreeClip มากับยูนิตไดรเวอร์ไดนามิกแม่เหล็กคู่ขนาด 10.86 มม. พร้อมทั้งมีระบบเสียงแบบ Reverse Sound Field Acoustic System ซึ่งตัวลำโพงหูฟังจะยิงเสียงตรงเข้าสู่หูของเราทำให้เสียงที่ออกมายังคงดังฟังชัดและลดการรั่วไหลของเสียง

ประสบการณ์การฟังเพลงจากที่ได้ลองใช้งานมา FreeClip จัดว่าเป็นหูฟัง Open ear ที่คุณภาพเสียงดีเอาเรื่อง แยกทิศทางเสียงได้ดี ย่านเบสอาจจะไม่ได้หนักหน่วงมากนักตามลักษณะของหูฟังประเภทนี้ เรื่องการสวมใส่ต้องยอมรับว่าใส่สบาย แต่ก็มีข้อสังเกตเรื่องการรั่วไหลของเสียงที่อาจจะมีเสียงหลุดไปให้คนรอบข้างได้ยินบ้างเบา ๆ ในกรณีที่เปิดเสียงดังเกิน 70 – 80% สำหรับการปรับแต่ง EQ ตัวหูฟังจะมีพรีเซ็ตมาให้ 3 แบบ ได้แก่ Voices, Bass Boost และ Treble Boost



ทางด้านการสื่อสารบนหูฟังก็มีไมโครโฟนติดตั้งมาให้ 2 ตัว พร้อมด้วย ไมโครโฟน VPU 1 ตัว และมีอัลกอริทึมการตัดเสียงรบกวนการโทร DNN (Deep Neural Network) ทำให้ยังคงรักษาคุณภาพเสียงในการโทรได้อย่างคมชัด พร้อมทั้งมีการตัดเสียงรบกวนจากลมและสภาพแวดล้อมรอบข้างได้ดีอีกด้วย
สำหรับอายุการใช้งาน HUAWEI FreeClip เฉพาะหูฟังมีขนาดแบตเตอรี่ที่ 55mAh สามารถฟังเพลงได้นานต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้งานร่วมกับเคสชาร์จที่มีแบตเตอรี่ 510mAh จะอยู่ได้นานเพิ่มอีกเป็น 36 ชั่วโมง ในส่วนของการชาร์จก็รองรับทั้งชาร์จผ่านสายและไร้สายและมีชาร์จไว 10 นาที ใช้ได้นาน 3 ชั่วโมง

สรุป + ราคา
HUAWEI FreeClip น่าจะเป็นหูฟังที่ตอบโจทย์คนที่กำลังมองหาหูฟังเพื่อการใช้งานตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นใส่ฟังเพลง หรือฟังพอดแคสต์ ตอนออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมเบา ๆ ด้วย C-Bridge Design ที่ทำให้ช่องหูไม่ต้องรับภาระการแบกน้ำหนักหูฟังโดยตรง และมีพื้นที่ให้อากาศไหลเวียนทำให้ไม่เกิดอาการอับชื้น หรือระคายเคืองภายในหู

ทางด้านราคาหูฟังเปิดตัวในไทยที่ 6,490 บาท เปิดพรีออเดอร์ 2-29 กุมภาพันธ์ 2567 นี้ พร้อมโปรโมชั่นรับฟรี HUAWEI Band 8, กระเป๋าหูฟัง และประกันหูฟัง มูลค่ารวมกว่า 2,597 บาท สามารถตามไปซื้อได้ที่ HUAWEI Experience Store และร้านค้าออนไลน์ตามลิ้งค์นี้เลย Lazada: bit.ly/3RSqSBZ