![]() |
�ผ่านเดือนที่สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของชาวไทย นั่นคือการสิ้นพระชนม์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อตอนต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยังความโศกเศร้ายังประชาชนชาวไทย ทุกหมู่เหล่า แต่ยังไงก็ขอให้ชาวไทย รำลึกถึงพระคุณของท่าน ที่ได้ทรงงานอย่างไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากพระวรกายเพื่อให้ชนชาวไทยได้มีสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้น และจงร่วมกันทำความดีเพื่อถวายแด่ท่านสืบไป กลับมาในเรื่องของคอลัมน์นี้กันต่อนะครับ� คราวที่แล้ว ได้คุยให้ฟังเรื่องของระบบปฏิบัติการในฝั่งของ Mac ซึ่งตัวล่าสุดก็คือ Leopard ที่มีรหัสรุ่นว่า 10.5� ออกมาไม่นานก็ได้มีการอัพเดท เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องจากการใช้งานเป็น 10.5.1 เพื่อให้ความเถียรในการใช้งานทั่วไปดีขึ้น� แต่ในฉบับนี้ ผมคงไม่คุยต่อเรื่องระบบปฏิบัติการแล้ว เพราะกลัวว่าคุณผู้อ่านจะเบื่อเสียก่อน แต่คราวนี้ก็ยังไม่พ้นฝั่ง Mac อยู่ดีครับ� ก็เนื่องด้วยความที่ผมเข้าสู่วงจรของ Mac แล้ว ทำให้ถอนตัวลำบาก นับวันยิ่งถลำลึำลงไปเรื่อยๆ โงหัวแทบไม่ขึ้น แถมกระเป๋าก็เบาลงไปอีกโข ของเล่นชิ้นต่อไปที่ขอนำมาเล่าให้ฟังก็คือ iPod� ซึ่งหลายๆท่านก็คงจะรู้จักเจ้า ไอพอด ดีอยู่แล้ว และหลายท่านก็คงใช้งานกันมานานมากแล้ว� ทีแรกที่ไอพอดออกมา ผมเองยังนึกว่า ไม่น่าจะเป็นของเล่นไฮเทค ที่จะอยู่ยั้งยืนยงมาหลายเจนเนอเรชั่นได้ป่านนี้ เพราะยังไงๆ โทรศัพท์มือถืรุ่นใหม่ๆก็สามารถที่จะรองรับการฟังเพลงได้อยู่แ้ว ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องไปหาไอพอดมาพกไว้เพิ่มอีกเครื่อง เกะกะเปล่าๆ ทำให้ส่วนตัวผมไม่เห็นความสำคัญที่จะต้องหาไอพอดมาใช้งานอย่างจริงจัง� จวบจนเมื่อเดือน ตุลาคม 2550 ที่ผ่านมา เจ้า ไอพอด ได้ยกขโยงปรัยเปลี่ยนรูปแบบและความสามารถมายกใหญ่ โดยมาพร้อมกันทีเดียว 4 รุ่น ไล่มาตั้งแต่น้องเล็กอย่าง Shuffle ต่อมาที่ nano� ต่อกันด้วย Classic และสุดท้ายทีเด็ด คือ Touch� ทำให้เกิดกระแสตอบรับอย่างกว้างขวางสำหรับตลาดเครื่องเล่นเพลงพกพา เรียกว่ามาคราวนี้ พกพาเอาความสามารถเพิ่มเติม และสามารถที่จะเจาะกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างทั่วถึงเลยทีเดียว |