![]() |
สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ในช่วงนี้ต้องยอมรับความจริงว่า หันมองไปทางไหน คนส่วนใหญ่ก็หน้าเหี่ยวแห้ง โดยเฉพาะหากไปถามพ่อค้าทั่วไปละก็น่าจะได้คำตอบแบบเดียวกันคือ ยอดขายสินค้าร่วงไปแบบน่าตกใจมากทีเดียว สังเกตได้ว่า ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ก็หันมากระหน่ำโปรโมชั่นพร้อมๆกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ลดไปเมื่อเดือนที่แล้ว ต้นเดือนนี้ก็มาลดกันอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็น มิดเดย์ มิดไนท์เซล และผ่านไปอีกสัปดาห์ก็มี เซอร์ไพรส์เซล ตามมาด้วย ฮอลิเดย์เซล ต่อไปคงมี เอเวอรี่เดย์เซลกันเป็นแน่แท้ เพราะมีลดราคากันแทบจะทุกสัปดาห์แล้วครับ ก็เมื่อรายได้จากการขายตกลง ก็ต้องหาทางกระตุ้นยอดขายเพื่อชดเชยรายได้ที่ตกลงโดยยอมที่จะลดกำไรลงเพื่อกระตุ้นยอด ไม่เว้นแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือ สินค้ายอดนิยมมาหลายปี ในช่วงนี้ หากท่านไปถามคนขายดู ก็จะพบว่า รายได้ยอดขายตกลงแบบน่ากลัวมาก ที่ห้างใหญ่ๆแถวปทุมวันเอง ที่เมื่อก่อนมีร้านขายมือถือทั้งร้านใหญ่และร้านเล็ก หลายร้อยร้านค้า ก็ทยอยปิดตัวหรือปรับเปลี่ยนไปมากทีเดียว หากใครมีเวลาลองเดินไปดู หรือใครที่เดินบ่อยๆคงพอสังเกตความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ ว่าร้านมือถือหายไปเยอะมากทีเดียว ราคาโทรศัพท์มือถือก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นยอดขายได้พอควร สังเกตว่า เดี๋ยวนี้ โทรศัพท์มือถือเปิดตัวรุ่นใหม่บ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน หากเป็นรุ่นที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก ราคาก็จะปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว ทำให้คนที่ซื้อไปในช่วงแรกๆ ต้องกัดฟัน กลืนน้ำตาได้ง่ายๆ เพราะมือถือที่ตัวเองอุตส่าห์ควักสตางค์ซื้อมาเกือบ 2 หมื่น เมื่อเวลาผ่านไปมีนาน ก็ลดราคาลงไปกว่าครึ่งก็มีครับ ดังนั้นเป็นข้อคิดสะกิดเตือนใจสำหรับผู้ที่ชอบเห่อตามแฟชั่น ว่าโทรศัพท์มือถือออกใหม่ ฉันนี่แหละต้องมีก่อนคนอื่น ก็ต้องเจ็บใจไปหลายท่านแล้วด้วยราคาเครื่องร่วงเร็วราวกับเครื่องบินตกทีเดียว ย้อนกลับมาถึงเรื่องราวในโทรศัพท์มือถือกันบ้างครับ ต้องยอมรับว่า ผู้ผลิต ผู้พัฒนาโทรศัพท์มือถือนี่ให้ความสำคัญกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่รวดเร็วกว่า อุปกรณ์อีเล็กโทรนิกส์แบบอื่นๆมากมายทีเดียว ก็ด้วยความที่ต้องการสร้างความแตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่น หรือสร้างความเป็นเอกลักษณ์เพื่อดึงความสนใจจากผู้บริโภคอย่างเราๆท่านๆให้สนใจเครื่องรุ่นใหม่ๆของเขาได้มากกว่าคู่แข่ง ในสมัยแรกๆเมื่อสัก 10 กว่าปีที่แล้วนั้นโทรศัพท์มือถือแทบจะเรียกได้ว่าเป็นของใช้งานของเศรษฐีครับ เพราะลำพังราคาตัวเครื่อง ก็ร่วมแสน หรือแสนเศษ และยังมีน้ำหนักในระดับ 4- ต่อมาก็เริ่มพัฒนาขึ้นมาเป็นโทรศัพท์ในระบบ 800 และ 900 MHz ซึ่งก็ยังคงเป็นแบบอนาล็อกอยู่ ซึ่งก็ยังไม่มีซิม เครื่องกับเบอร์จะถูกกำหนดไว้พร้อมกันในเวลาซื้อขาย แต่ราคาเครื่องก็ยังสูงอยู่มากทีเดียว ราคาอยู่ในระดับ เกิน 5 หมื่นอยู่พอควร แต่ต่อมาก็ได้เริ่มพัฒนาเข้าอยู่ยุคที่ 2 คือ ระบบดิจิตอลที่เริ่มหันมาใช้ซิมในการจัดเก็บข้อมูลการโทรศัพท์โดยเลขหมายจะอยู่ในซิมหากต้องการเปลี่ยนเครื่องก็เพียงแต่เปลี่ยนซิมไปยังเครื่องใหม่เท่านั้น หมายเลขก็ยังใช้หมายเลขเดิมได้ตามปกติ ราคาเครื่องโทรศัพท์มือถือก็ปรับตัวลงมาเช่นเดียวกับอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์อื่นๆเช่นกันและในยุคนี้เองที่โทรศัพท์มือถือได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็ว่าได้ เพราะผู้ผลิตใส่ความสามารถต่างๆเข้ามาอย่างมากมาย ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสื่อสารด้วยเสียงแต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้วครับ สิ่งที่ใส่เข้ามาหลากหลายมากไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการต่อเชื่อมกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ที่แรกๆก็ใช้งานในรูปแบบของ wap อย่างเดียว หลังๆมานี่สามารถเข้าดูเวปไซต์เต็มรูปแบบได้เช่นเดียวกับในคอมพิวเตอร์ทีเดียว ความสามารถในการถ่ายภาพ ก็ใส่กล้องเข้าไปว่ากันไปร่วม 10 ล้านพิกเซลแล้ว แต่ในขณะนี้ อย่างน้อยก็ต้อง 2-3 ล้านพิกเซลเป็นอย่างน้อยรวมทั้งสามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวในรูปแบบวีดีโอในระดับความคมชัดเทียบเท่า ดีวีดี ก็มีให้ใช้งาน ใส่คุณสมบัติด้านการฟังเพลง ไม่ว่าจะเป็น วิทยุ หรือ เครื่องเล่นไฟล์เพลง ที่มีความจุตัวเครื่อง ในระดับ 8GB หรืออาจใช้หน่วยความจำเพิ่มเติมได้สำหรับเครื่องรุ่นทั่วๆไป 1-2 GB ก็เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว สามารถรองรับไฟล์ภาพเคลื่อนไหว บันทึกภาพยนตร์ได้หลายเรื่องทีเดียว รูปแบบเมนูการใช้งานก็มีหลากหลายรูปแบบ ให้เลือกใช้ได้ตามความต้องการไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการของมาตรฐานโรงงาน หรือระบบปฏิบัติการทีฉลาดมากขึ้นอย่าง วินโดว์, ซิมเบี้ยน, ลินุกซ์ , ปาล์ม อีกไม่นานก็จะได้เห็นในรูปแบบของ แม็คอินทอชออกมาอีก เรียกได้ว่า โทรศัพท์มือถือยุคนี้ ทำได้สารพัดอย่าง ได้อ่านบทความผ่านตาไม่นานมานี้ว่า โทรศัพท์มือถือได้ทำให้ยอดขายนาฬิกาปลุก และนาฬิกาข้อมือตกไปแล้ว ต่อไป ก็อาจทำให้ยอดขาย เครื่อง GPS หรือ เนวิเกเตอร์แบบเดี่ยวๆนั้นตกลงก็เป็นได้ เพราะเดี๋ยวนี้ มือถือหลายรุ่นได้ใส่ชิพ GPS ในการรับสัญญาณจากดาวเทียมและมีแผนที่ในเครื่อง ทำให้สามารถเป็นเครื่อง เนวิเกเตอร์ได้ด้วยในตัว เอาละครับ ใครที่ชอบเทคโนโลยี ก็ต้องลองติดตามกันต่อไปว่า นอกจากความสามารถต่างๆที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ โทรศัพท์มือถือจะมีอะไรใส่ลงไปได้อีกบ้าง แต่จะว่าไป ในยุคหนึ่งที่โทรศัพท์มือถือใส่กล้องในระดับ 1 ล้านพิกเซล ก็มีการคาดหมายกันว่า จะส่งผลต่อยอดขายกล้องดิจิตอล ก็อาจเป็นได้ในช่วงสั้นๆ แต่ปัจจุบัน กล้องดิจิตอลก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ดี ด้วยความที่มือถือติดกล้อง มีข้อจำกัดในการบันทึกภาพในหลายๆส่วน ยังไงก็ไม่สามารถเทียบคุณภาพของรูปได้กับกล้องดิจิตอลแท้ๆอยู่ดี ก็เลยกลายเป็นต่างคนต่างทำตลาดไม่แย่งตลาดเดียวกันไปโดยปริยาย หรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือที่ใส่ความสามารถในการเล่นไฟล์เพลงเข้าไป ก็มีผู้ที่คาดว่าจะกระทบกับเครื่องเล่นเพลงอย่าง ไอพอด ก็กลายเป็นว่า ไอพอดก็ยังขายดิบขายดีอยู่ไม่ตก เพียงแต่ ค่ายมือถือใดที่ไม่ตามแฟชั่นในส่วนนี้ ก็ยอดหดหายไปโดยปริยายเท่านั้น การเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือของหลายท่าน อาจไม่เหมือนกัน เพราะเดี๋ยวนี้มีแบบและรุ่นให้เลือกกันอย่างมากมาย แต่ละรุ่น แต่สิ่งที่อยากฝากให้พิจารณาก็มีดังต่อไปนี้ครับ 1.ตั้งงบประมาณไว้ในใจเสียก่อน ว่าเราจะสามารถซื้อเครื่องในราคาเท่าไร และต้องกันไว้สำหรับอุปกรณ์เสริมที่จำเป็นใช้ด้วยนะครับ เช่น บลูทูธ เฮดเซ็ท , แบตฯสำรองก้อนที่สอง, ซองใส่ ฯลฯ 2.ดูคุณสมบัติที่เราจำเป็นต้องใช้ เช่น ปฏิทินนัดหมาย , การรองรับอีเมล์ เป็นต้น แล้วศึกษาเครื่องที่เราสนใจว่าสามารถใช้งานได้ง่ายเพียงใด ทั้งนี้อาจต้องหาข้อมูลจากเวปไซต์ทดสอบ หรือให้ดีถามเอาจากเพื่อนๆที่ใช้งานเครื่องรุ่นนี้ประกอบการตัดสินใจด้วย 3.คุณสมบัติอื่นๆที่มีในเครื่อง ซึ่งอาจไม่ได้ใช้งานบ่อยนัก ก็ไม่ต้องซีเรียส เช่น บางท่านแทบไม่ได้ใช้งานฟังวิทยุ หรือ MP3 เลย แต่กลับซื้อเครื่องที่ต้องมีให้ครบ เช่นนี้นับว่าเกินความจำเป็น 4. ไม่ควรซื้อเครื่องที่เพิ่งวางจำหน่ายในวันแรกๆ หรือล็อตแรกๆ ด้วยความที่โทรศัพท์มือถือเดี๋ยวนี้รีบออกรุ่นใหม่มาเพื่อดึงความสนใจ ทำให้หลายรุ่นๆมีความผิดพลาดในซอฟแวร์ปฏิบัติการในเครื่อง ต้องอัพเกรดเพื่อให้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ในภายหลัง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ 2-3 เดือนก็จะมีซอฟแวร์เวอร์ชั่นใหม่มาให้อัพเกรดกัน และอีกเหตุผลคือเครื่องบางรุ่นไม่นิยมเท่าที่ควร ราคาจะร่วงภายในเดือนแรก20-30% ทีเดียว อาจทำให้เจ็บช้ำใจได้ ดังนั้นหากไม่รีบเกินไป ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการซื้อเครื่องรุ่นที่ออกมาใหม่คือ 2-3 เดือนนั่นเอง ราคาก็น่าจะนิ่งในระดับหนึ่งแล้วครับ 5.เลือกเครื่องที่คิดว่า เวลาขายต่อน่าจะได้ราคาพอสมควร หรือมีผู้รับซื้อ เพราะเหตุว่า สมัยนี้ โทรศัพท์มือถือกลายเป็นสินค้าแฟชั่นที่สามารถเปลี่ยนได้บ่อยมาก ปีละหลายๆเครื่อง หลายคนชอบเลือกยี่ห้อใหม่ๆ เพราะมีลูกเล่นแปลกๆ ราคาก็ไม่แพง แต่เวลาเปลี่ยนเครื่อง แทบจะหาคนรับซื้อไม่ได้เลย หรือแม้แต่หาคนซ่อม และอะไหล่ก็ยังยาก แบบนี้ เรียกว่าเป็นรุ่นรักเจ้าของ เพราะขายไม่ออกนั่นเองครับ ใครที่คิดว่าซื้อมาแล้วใช้ไปจนพังแน่นอนก็ผ่านข้อนี้ไปได้เลยครับ 6.เลือกซื้อกับร้านค้าที่น่าเชื่อถือ เป็นเพราะว่าเดี๋ยวนี้มีเครื่องที่นำมาขายแบบเหมือนใหม่ ก็คือบางเครื่องคนซื้อไปไม่นานก็เบื่อ ไม่ชอบ คนขายก็รับซื้อมาแล้วนำมาขายเป็นเครื่องใหม่ในราคาถูกกว่าทั่วไปเล็กน้อย หรือแม้กระทั่งเครื่องที่ผ่านการซ่อมมาแล้วก็มี หากซื้อที่ศูนย์ก็น่าจะสบายใจกว่า และยังมีประเภทที่ลงขายไว้ตามอินเตอร์เน็ตแบบราคาถูกเหลือเชื่อ พอโทรไปติดต่อให้โอนเงินมัดจำก่อน แบบนี้หลีกให้ห่างครับ โกงเราแน่นอนครับ 7.ดูเงื่อนไขการรับประกันให้เข้าใจแจ่มแจ้ง เช่นเครื่องเสียหายใน 7 วันเปลี่ยนเครื่องใหม่หรือไม่ ถ้าเปลี่ยนต้องทำอย่างไร หรือเปลี่ยนที่ไหน เพราะบางทีต้องนำไปเปลี่ยนเองที่ศูนย์ไม่สามารถเปลี่ยนที่ร้านได้ หรือศูนย์บริการอยู่ที่ไหน รับรู้ไว้ล่วงหน้าเผื่อมีปัญหาจะได้รู้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรครับ 8.จ่ายเงินแล้วขอใบเสร็จทุกครั้ง และหากมีใบรับประกันก็ให้กรอกส่งให้เรียบร้อย หรือเดี๋ยวนี้หลายๆยี่ห้อ สามารถลงทะเบียนรับประกันผลิตภัณฑ์ผ่านทางเวปได้ ก็ทำการลงทะเบียนให้เรียบร้อยครับเพื่อความชัวร์ว่าได้การรับประกันอย่างสมบูรณ์ครับ ท้ายนี้ขอให้คุณผู้อ่านได้มือถืออย่างที่ต้องการและมีความสุขและสะดวกสบายกับการใช้โทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ครับ หากอยากคุยกัน ก็อีเมล์มาคุยกันได้นะครับที่ [email protected] อ้างสักนิดว่าจากคอลัมน์ M Talk ขอลาไปก่อน ขอบุญรักษาคุณผู้อ่านทุกท่านด้วยนะครับ/ mchaw |