![]() |
จากคอลัมน์ M talk by mchaw นิตยสาร Mobile Mag เดือน กพ.2550
สวัสดีคุณผู้อ่านครับ หลังจากช่วงสิ่งท้ายปีเก่าปีใหม่ที่ผ่านมานั้น กรุงเทพฯประสบกับการก่อกวนจากกลุ่มผู้ไม่หวังดีกับประเทศชาติ ด้วยการวางระเบิดในสถานที่ต่างๆตามแหล่งชุมชนถึง 8 จุดด้วยกัน ส่งผลให้ปีใหม่ปีนี้ไม่สดใส และมีความสุขเหมือนอย่างเคย ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2549 นั้น หากใครมีญาติพี่น้อง หรือเพื่อนๆที่อยู่ในกรุงเทพ ก็มีการโทรศัพท์เช็คดูว่าอยู่ตรงไหนอย่างไร และก็มีการแจ้งเตือนเรื่องระเบิดกันมากมายทีเดียว สิ่งนี้ก็ต้องถือว่าเป็นข้อดีของการที่มีโทรศัพท์มือถือที่หลายท่านมีติดตัวไว้ เมื่อเวลาฉุกเฉินก็สามารถที่จะสื่อสารถึงกันได้อย่างรวดเร็ว และคลายความกังวลได้สำหรับผู้ที่ห่วงใยอยู่แม้จะเป็นในต่างจังหวัดหรือต่างประเทศก็ตามครับ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง และจากข้อมูลของทางการที่รุว่าเหตุระเบิดในกรุงเทพฯนั้น ต่างจากที่เกิดอยู่ในจังหวัดทางภาคใต้ เนื่องจากลักษณะของระบิดต่างกัน โดยในกรุงเทพฯจะเป็นการจุดระเบิดด้วยนาฬิกาปลุก และใช้ระเบิดแรงดันต่ำ ส่วนทางภาคใต้ที่ผ่านมามักจะใช้การจุดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ ความแตกต่างในวัตถุประสงค์คือในการใช้นาฬิกาปลุกนั้นสามารถที่จะตั้งเวลาในการระเบิดพร้อมกันได้ล่วงหน้า ซึ่งทำให้เกิดการตื่นตระหนกต่อผู้พบเห็นและก่อความสับสนกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองได้อย่างมากพร้อมกันทุกจุด แต่ในการจุดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือนั้น คนร้ายต้องการรอให้เจ้าหน้าที่ หรือประชาชนเป้าหมายเข้ามาอยู่ในระยะเสียก่อนแล้วจึงทำการจุดระเบิด ซึ่งในหลายครั้งพบว่า มีระเบิดครั้งแรกแล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก็จะมีการระเบิดซ้ำเพื่อมุ่งร้ายต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งก็มองได้ว่าเป็นการใช้เทคโนโลยีในทางร้ายซึ่งก็ส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่ ว่าเรื่องหนักๆมาแล้ว เรามาลดความร้อนแรงของข่าวสารกันด้วยเรื่องเบาลงมาหน่อยนะครับ(แต่ก็หนักใช่เล่น) ผมเองนึกๆคิดๆอยู่นานแล้ว เรื่องที่ว่าใช้ 08 แทน 0 ตัวเดิม ในเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่นี่หล่ะครับ เพราะทางกทช.เองก็ให้ข้อมูลว่าเป็นเรื่องของความจำเป็นเร่งด่วนเนื่องจากเกิดความขาดแคลนเลขหมายโทรศัพท์มือถือ ในการจัดสรรเลขหมายให้กับผู้ให้บริการของโทรศัพท์มือถือค่ายต่างๆ และเมื่อเติม 8 ลงในเลขหมายต่อจาก 0 ตัวหน้าแล้วเราจะสามารถรองรับการใช้งานได้อีกนาน หากท่านใดใช้โทรศัพท์มือถือมาเกินกว่า 5-6 ปีขึ้นไป คงจะพอจำกันได้ว่า ครั้งหนึ่ง ทางราชการก็ได้ออกประกาศเพื่อแก้ไขการขาดแคลนเลขหมายมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยในครั้งนั้น เดิม โทรศัพท์บ้าน จะใช้เลขหมายเพียง 7 ตัวในการโทรหากัน เช่น ในเขตกรุงเทพฯปริมณฑล เวลาโทรจากโทรศัพท์บ้านหรือโทรศัพท์มือถือไปโทรศัพท์บ้าน ก็กดหมายเลขเช่น 529-XXXX หากโทรต่างจังหวัดก็ต้องกดเลขหมายรหัสจังหวัด 3 ตัวนำหน้า ต่อด้วยเลขหมาย 6 หลักเช่น 035-371-XXX รวมเป็น 9 หลัก แต่หากในจังหวัดเดียวกันโทรศัพท์บ้านก็ให้กดเลขหมายเพียง 6 หลักเท่านั้น หากโทรเข้ามือถือ ก็ต้องกด 01, 09 นำหน้า เมื่อปีปัญหาว่า การขยายตัวของโทรศัพท์มือถือมีมากขึ้น จนกระทั่งเลขหมายไม่เพียงพอ ก็ต้องให้โทรศัพท์บ้าน ในเขตกรุงเทพ ต้องกด 02 เพิ่มขึ้นมารวมเป็น 9 หลัก และในต่างจังหวัดแม้ว่าจะเป็นการโทรจากโทรศัพท์บ้านก็ต้องใส่รหัสให้ครบ 9 หลักเช่นกัน ซึ่งในช่วงนั้น ทางราชการก็ว่าจะรองรับไปได้อีกเป็นสิบปี เอาเข้าจริงไม่กี่ปี เลขหมายก็ไม่เพียงพออีกแล้ว คราวนี้ก็ต้องหาทางออก ซึ่งวิธีที่สรุปออกมาประกาศให้ใช้กันก็คือเฉพาะหมายเลขโทรศัพท์มือถือต้องเติม 8 เข้าไปอีก 1 หลักในเลขหมายเดิม แล้วผลกระทบล่ะครับ แน่นอนว่า ย่อมกระทบต่อผู้ใช้งานทั้งโทรศัพท์บ้านและโทรศัพท์มือถือเพราะในการกดเลขหมายปลายทางที่เป็นโทรศัพท์มือถือตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2549 ที่ผ่านมา ต้องกด 10 หลัก จากเดิม 01-123-4567 ต้องเปลี่ยนเป็น 081-123-4567 หรืออาจเขียนเป็น 08-1123-4567 หลายท่านที่มีเลขสวยๆขอโทรศัพท์มือถืออยู่แล้ว ก็อาจทำให้เลขหมายนั้นสวยลดลง เช่น เคยเป็น 01-100-0011 ซึ่งทั้ง 9 หลักมีเพียง 2 เลขคือ 0 กับ 1 กลายเป็น 081-100-0011 กลายเป็นมีเลขแทรกกันไป แต่หลายท่านก็ดูสวยขึ้นเช่น เดิม 09-089-8989 พอเติม 8 แล้วได้เป็น 089-089-8989 เป็นต้น อันนี้ก็ต้องถือว่าโชคดีไปครับ นอกจากนี้ผลกระทบส่วนใหญ่ที่ต้องวุ่นวายไปกับการเติมเลข8 ลงในสมุดรายชื่อในโทรศัพท์ หรือในซิม ที่แม้จะนำไปอัพเดทได้ฟรีที่สำนักงานบริการของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือต่างๆอย่าง AIS, DTAC, True, Hutch ก็ทำให้ความวุ่นวายไปทั่ว เพราะหลายคน บันทึกไว้ในซิมก็แล้วไป เพราะส่วนใหญ่ทางสำนักงานสามารถที่จะดำเนินการเติมให้ได้ในซิม ส่วนหลายคนที่บันทึกไว้ในเครื่องและมีเลขหมายแยะๆละก็ ทางสำนักงานเหล่านั้นสามารถทำให้ได้กับเครื่องเพียงบางรุ่นที่มีโปรแกรมสำเร็จรูปเท่านั้น ส่วนอีกหลายรุ่น ก็ต้องไปนั่งเติม 8 กันทีละรายชื่อด้วยตัวเอง เล่นเอาเหนื่อยกันไปพักใหญ่ทีเดียว แต่ที่ผมเห็นผลกระทบอีกส่วนที่เจอกับตัวเองคือ คุณแม่ผม ท่านจะอาศัยการจำเลขหมายเพื่อนๆที่โทรกันอยู่เป็นประจำ หลายสิบเบอร์ ลองนึกตามนะครับ สมัยก่อนที่โทรศัพท์มือถือยังไม่เข้ามามีบทบาทนั้น การจำเลขหมายโทรศัพท์เพื่อนๆนี่เป็นเรื่องปกตินะครับ จำได้กันหลายสิบเบอร์ หรืออาจใช้การจดบันทึกในสมุดบันทึกขนาดเล็กแล้วพกไว้ติดตัว แต่พอมีโทรศัพท์มือถือขึ้นมาช่วยบันทึก แม้โทรศัพท์บ้านเราเอง เราอาจยังจำได้ไม่แม่นเลยครับ แต่คุณแม่ผมนั้น ท่านไม่ไฮเทคในการใช้งานโทรศัพท์มือถือมากนัก ทำได้หลักๆก็โทรออก และรับสายเท่านั้น แต่หลายครั้งผมก็คอยแนะนำในการกดฟังก์ชั่นเรื่องฟังเพลงเพราะเครื่องคุณแม่ผมมีความสามารถในการเล่นเพลง และวิทยุได้ด้วย แต่ก็ได้เท่านั้น ดังนั้น ในการโทรหาเพื่อน ท่านจะใช้การจำเลขหมาย พอต้องเติม 8 เพียงหลักเดียวนี่หล่ะครับ กว่าจะทำความเข้าใจได้ก็พักใหญ่ และกว่าจะใช้งานได้คล่องเพราะท่านอาศัยการท่อง ก็จะงงเวลาต้องใส่ 8 ในเลขหมาย เดิมๆที่เคยโทร ว่ากันในเรื่องผลกระทบจากการเติม 8 แล้ว คุยกันไม่จบนะครับ เพราะนอกจากจะเสียเวลาในการเติม 8 เสียงบประมาณในการแก้ไข เสียงบประมาณในการประชาสัมพันธ์ และยังมีอื่นๆอีกมาก ที่ต้องเสียไปจากกรณีดังกล่าวนี้ เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ หลายท่านก็คงมีคำถามในใจว่า อ้าวแล้วจะให้ทำไง ในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่ามีผลเสียมากมายอย่างนี้ แต่หากไม่มีเลขหมายใหม่ๆแล้วผู้ให้บริการจะต้องสูญเสียรายได้อีกเท่าไร แล้วผู้ที่ต้องการใช้งานใหม่ๆ จะหาเลขได้จากไหน เพราะบอกแต่ข้อเสีย เก่งนักก็ลองเสนอทางแก้ทางอื่นมาให้ดูหน่อยซิ ว่าจะแก้อย่างไร เอาละครับ ผมจะขอนำเอาความรู้สึกส่วนตัวจากสมองก้อนน้อยๆที่อาจจะคิดไม่รอบคอบเท่าไร มานำเสนอให้คุณผู้อ่านได้รับทราบกันครับ ก่อนอื่นเราต้องมาดูว่าเหตุที่ทำให้เกิดการใช้เลขหมายอย่างมากมายนั้น มาจากอะไร เพราะว่า จำนวนเลขหมายแต่ละหมวดเช่น 01 ตามด้วยเลข 7 หลัก จะว่าไปก็ได้เลขหมาย ตั้งแต่ 01-000-0001 ไปจนถึง 01-999-9999 จำนวนร่วม 10 ล้านเลขหมาย ทีนี้เรามีหมวดโทรศัพท์มือถืออยู่7 หมวดคือ 01,03,04,05,06,07,09 ซึ่งหากจะว่ากันคร่าวๆ ก็น่าจะได้ 70 ล้านเลขหมาย แต่มีบางเลขหมายที่ไม่ได้ปล่อยออกมา หักแล้วก็น่าจะมีประมาณ 55 ล้านเลขหมาย(ข้อมูลสอบถามจากน้องคนหนึ่งซึ่งดูเรื่องเลขหมายสวยโดยเฉพาะ) ลองเทียบ 55 ล้านเลขหมาย กับประชากรของประเทศไทย 60 กว่าล้านคน ผมว่า ก็เกือบจะมีอัตราส่วน 1 เลขหมายโทรศัพท์มือถือ ต่อ 1 คนอยู่แล้ว ดูแล้วก็ไม่เห็นว่าจะไม่พอตรงไหน แต่เหตุที่ไม่พอเนื่องจากกว่า แต่ละท่าน จะมีเลขหมายมากกว่า 1 เลขหมายต่อคน เช่น บางคนใช้เลขหมายหนึ่งสำหรับติดต่อธุรกิจ ส่วนอีกเลขหมายหนึ่งเอาไว้สำหรับใช้ส่วนตัว บางคน ใช้เลขหมายหนึ่งเพื่อโทรออกเพราะได้โปรโมชั่นโทรถูก ในขณะที่อีกเลขหมายนั้นใช้งานมานานไม่อยากปิดเบอร์เพราะเดี๋ยวคนโทรมาไม่เจอ กระทั่งเดี๋ยวนี้ บางสำหนักงานใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือแทนหมายเลขบ้านกันแล้วก็มีโดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก เช่นรับเหมาซ่อมแซมบ้าน , กำจัดปลวก , เงินด่วน ฯลฯ ที่มักจะพบเห็นป้ายโฆษณาตามป้ายรถเมล์หรือ สถานที่สาธารณะต่างๆ เหตุที่หลายๆคนมีมากกว่า 1 เลขหมาย ก็มาจากการที่ราคาเลขหมายใหม่ในปัจจุบันถูกลงมากบางค่ายไล่แจกฟรี ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ต้องเก็บค่าประกันซึ่งกว่าจะได้เลขใหม่ต้องจ่ายกว่า 4 พันบาท และค่าโทรก็แพง แถมมีค่ารักษาเลขหมายอีก 500 บาทต่อเดือน เมื่อการแข่งขันรุนแรงขึ้น นอกจากแจกเลขหมายฟรี แล้วยังมีแถมโทรฟรีบางช่วงเวลา หรือโทรครั้งละ บาท หรือเติมเท่าไร ก็อยู่ได้ 1 ปี ฯลฯ ที่จะสรรหามาล่อใจให้คนเข้าไปใช้บริการของเขา แต่ที่ถือว่าแย่มากคือ เฉพาะเบอร์ใหม่ในระบบของเขาเท่านั้น ที่จะได้โปรโมชั่นที่ว่า หากเป็นเลขหมายเดิมในระบบจะได้โปรโมชั่นต่างกัน หากต้องการโปรใหม่ ต้องปิดเลขหมายเดิม แล้วเปิดใหม่ ซึ่งก็เท่ากับเปลืองเลขหมายเพิ่มขึ้น เลขหมายเดิมกว่าจะนำมาวนใช้อย่างน้อยก็ต้อง 3 เดือน หรือโปรที่ใช้อยู่ค่ายนี้ไม่พอต่อการใช้งาน อีกค่ายมีโปรใหม่ยั่วใจกว่าก็ต้องไปเปิดเบอร์ใหม่เพิ่มขึ้น เป็นต้นซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เลขหมายเท่าไรก็ไม่พอเสียที ต่อให้มีการเติม 8 ออกมาในคราวนี้ หากไม่แก้ที่ต้นเหตุ อีกไม่นาน เราก็ต้องปรับแก้ระบบเลขหมายโทรศัพท์กันอีกอย่างเลี่ยงไม่ได้ครับ แล้วเราจะแก้กันอย่างไร เริ่มต้นที่เราเอง ก็ต้องมาเปลี่ยนพฤติกรรมการโทรของเราให้โทรเท่าที่จำเป็น หมายเลขบางหมายเลขที่ไม่จำเป็นก็ปิดลงไปไม่ต้องเสียค่าเติมเงินรักษาเบอร์ ในส่วนของผู้ให้บริการ ก็ต้องมองถึงความเป็นจริงว่าลูกค้าเดิมในระบบน่าจะได้โปรใหม่โดยไม่ต้องปิดเบอร์เดิมแล้วเปิดใหม่ให้ยุ่งยากและสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ สุดท้าย ที่น่าจะเป็นทางแก้ที่ยั่งยืนและได้ผลที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของ Number Portability หรือที่ทำความเข้าใจง่ายๆว่า หมายเลขเดิม ย้ายค่ายได้ ซึ่งก็เคยมีประเด็นหารือในรัฐบาลชุดก่อนมาแล้ว แต่เรื่องนี้ก็ยังคาอยู่ไม่มีใครชงเรื่องอนุมัติใช้งานอย่างเป็นจริงเป็นจัง เพราะหากสามารถใช้งานหมายเลขแบบย้ายค่ายได้แล้ว ต่อไปหากเราชอบโปรของค่ายใด เราก็สามารถนำเลขหมายที่ใช้อยู่ย้ายไปใช้งานในระบบของค่ายนั้นได้ โดยไม่ต้องเปิดเบอร์ใหม่ หรือเปลี่ยนเบอร์อีกต่อไป คราวนี้ละครับ แต่ละค่ายก็ต้องมีการแข่งขันในเรื่องของการบริการให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี ในกรณีที่นำมาใช้งานจริงจัง ก็อาจจะมีผลกระทบโดยตรงกับผู้ให้บริการค่ายต่างๆ ที่อาจต้องมีการปรับโครงสร้างในส่วนของการให้บริการกันยกใหญ่เนื่องจากอาจจะมีความยุ่งยากในการจัดการและดูแลเลขหมายของแต่ละค่ายในตอนเริ่มแรก แต่โดยในหลักการแล้ว หากนำมาใช้งานจะช่วยลดปัญหาเบอร์ไม่เพียงพอไปได้อย่างมาก และที่ได้ประโยชน์ที่สุดก็น่าจะเป็นประชาชนผู้ใช้บริการอย่างเราๆท่านๆนั่นเองครับ ก็ต้องขอฝากให้ผู้ที่รับผิดชอบ และเกี่ยวข้องโดยตรงอย่าง กทช.ไปพิจารณาด้วยนะครับ เพื่อประโยชน์กับคนส่วนรวมและประเทศชาติครับ หมดเนื้อที่ของคอลัมน์อีกแล้วนะครับ เอาไว้คราวหน้าคุณผู้อ่านมาลองติดตามกันว่า ผมจะมีเรื่องใดมาเล่าสู่กันฟังอีก หากมีข้อสงสัย หรืออยากจะพูดคุยกันส่วนตัวก็สามารถที่จะอีเมล์มาคุยกันได้นะครับที่ [email protected] โดยอ้างอิงสักนิดว่าอ่านมาจากคอลัมน์ M Talk ใน Mobile MaG นะครับ ฉบับนี้ต้องขอลาไปก่อน ขอบุญรักษาคุณผู้อ่านทุกท่านครับ/ mchaw |